ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 04-04-2022, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,560
ได้ให้อนุโมทนา: 151,651
ได้รับอนุโมทนา 4,408,980 ครั้ง ใน 34,149 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนต่อมา คือส่วนที่เอิบอาบชุ่มชื้น ไหลไปมาได้ในร่างกายของเรา ประกอบไปด้วย เลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำตา น้ำลาย น้ำดี เหงื่อ ไขมันเหลว ปัสสาวะ เป็นต้น ส่วนนี้เป็นธาตุน้ำ เราแยกเอาไว้อีกกองหนึ่ง

ส่วนที่อยู่ในช่องว่างของร่างกาย ส่วนที่พัดไปมาในร่างกาย เช่นพัดขึ้นเบื้องสูง พัดลงเบื้องต่ำ พัดไปทั่วร่างกาย ส่วนที่ค้างอยู่ในท้องในไส้ เหล่านี้เป็นธาตุลม ได้แก่ ลมที่อยู่ในช่องหู ช่องจมูก ลมที่ค้างในท้องในไส้ที่เรียกว่าแก๊ส ลมที่พัดขึ้นเบื้องสูง พัดลงเบื้องต่ำ พัดไปมาทั่วร่างกาย ที่เรียกว่าความดันโลหิต เราแยกเอาไว้อีกกองหนึ่ง

ส่วนที่เป็นความอบอุ่น ช่วยกระตุ้นร่างกายนี้ให้เจริญเติบโต เผาผลาญร่างกายนี้ให้ทรุดโทรมลง ช่วยในการสันดาปเผาย่อยอาหาร ยังร่างกายนี้ให้กระวนกระวายในยามป่วยไข้ เรียกว่าธาตุไฟ เราลองแยกเอาไว้อีกกองหนึ่ง

ส่วนนี้คือธาตุดิน ส่วนนี้คือธาตุน้ำ ส่วนนี้คือธาตุลม ส่วนนี้คือธาตุไฟ เมื่อแยกออกมาแล้ว ตัวเราของเรานั้นไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย แม้แต่น้อยหนึ่งก็ไม่มี

ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพยายามทำบ่อย ๆ จนกระทั่งเคยชิน ก็จะเห็นว่าชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา สักแต่ว่าเป็นสิ่งที่เรามาอาศัยอยู่ เหมือนกับเสื้อผ้าชุดหนึ่ง เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาเก่าแล้ว หมดสภาพ เราก็ต้องทิ้งเสื้อผ้าชุดนี้ ทิ้งรถยนต์คันนี้ ไปแสวงหาเสื้อผ้าชุดใหม่ หรือว่ารถยนต์คันใหม่ตามบุญตามบาปที่เราได้สร้างมา

ถ้าหากว่าสร้างบุญเอาไว้ดี ก็ได้เสื้อผ้ายี่ห้อดี ๆ ราคาแพง ๆ ได้รถยนต์ยี่ห้อหรู ๆ ราคาแพง ๆ แต่ถ้าหากว่าสร้างบุญมาไม่ดี ก็อาจจะได้เสื้อผ้าเก่า ๆ ฉีกขาดที่คนเขาเหลือใช้แล้ว หรือว่าได้รถยนต์เก่า ๆ วิ่งไปซ่อมไป ไม่รู้ว่าจะพังลงไปเมื่อไร ถ้าหากว่าสร้างบุญไว้น้อยจริง ๆ ก็อาจจะเป็นจักรยานโปเกที่ปั่นไปซ่อมไปก็เป็นได้

ถ้าท่านทั้งหลายใช้วิธีพิจารณาในกายคตานุสติ ประกอบกับธาตุ ๔ ที่เรียกว่า จตุธาตุววัฏฐาน นี้บ่อย ๆ ซึ่งทางสายอีสานหรือวัดป่าเรียกว่า "วิชาม้างกาย" ก็คือประกอบธาตุนี้ขึ้นมาเป็นร่างกาย มีหัว มีหู มีหน้า มีตา แล้วก็ค่อย ๆ แยกชิ้นส่วนให้พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา เน่าเปื่อยผุพังไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-04-2022 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา