เมื่อเพียรพยายามหาคำตอบ ท้ายสุดก็ได้คำตอบว่า เราเคยชินกับด้านชั่วมากกว่า คลุกคลีกับกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มาจนนับชาติไม่ถ้วน มีความเชี่ยวชาญชำนาญในระดับวสี นึกเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้นเลย เมื่อมีแรงกระทบเพียงเล็กน้อยก็ไหลตามไปทันที
แต่ในเรื่องของการประพฤติปฏิบัติ เราเพิ่งจะทำมาไม่มาก เพราะถ้าหากว่าทำมามากพอ เราจะต้องเป็นนายกิเลสได้ แต่ว่าไม่ใช่ให้เราท้อใจ แล้วรามือยอมแพ้ให้กับกิเลส หากแต่ให้ใช้ความเพียรพยายามชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก ให้สมกับที่เราเป็นธรรมเสนา คือทหารในกองทัพธรรมของพระพุทธเจ้า ต่อให้สู้แพ้ ก็ต้องอยู่ในลักษณะของการชนะใจคนดู ก็คือทุ่มเทเต็มที่ชนิดเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว
ดังนั้น...ตรงจุดนี้ อาศัยในช่วงปีใหม่จีน ซึ่งปกติแล้วเป็นวันถือ มีข้อห้ามหลายประการด้วยกัน แต่คนไทยเราไปเรียกง่าย ๆ ว่าวันเที่ยว ตักเตือนให้ทุกคนระมัดระวังไว้ว่า ในแต่ละวันสิ่งที่เราพบ เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการเดินทาง หรือว่าระหว่างการทำงาน ทำหน้าที่ของเรา เราสามารถที่จะวางทิ้งได้เร็วเท่าไร เลิกคิด กลับมาอยู่กับการภาวนาของเราได้เร็วเท่าไร ถ้าสามารถปล่อยทิ้งได้โดยไม่เหลืออะไรติดใจมาเลยยิ่งดี ถ้าเป็นแบบนั้น โอกาสที่เราชนะกิเลสจะมีสูงมาก
แต่ถึงจะอยู่ในระดับนั้นก็ยังต้องระมัดระวังว่า อาจจะเป็นเพราะกำลังสมาธิเราสูง จึงกดกิเลสให้สงบลงชั่วคราว ถ้าประมาทเมื่อไร กิเลสตีกลับ เราก็จะเดือดร้อนอีก เมื่อระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา บางทีเราก็ยังโดนกิเลสหลอกได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2022 เมื่อ 03:30
|