ดูแบบคำตอบเดียว
  #28  
เก่า 19-01-2022, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,553 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะเมื่อปฏิบัติแล้ว ต้องรักษาอารมณ์ใจเอาไว้อยู่กับเรา ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าการปฏิบัติธรรมคือการทวนกระแสโลก ทั่ว ๆ ไปคนในโลกเขาไหลตาม รัก โลภ โกรธ หลง ในเมื่อเราทวนกระแส เราก็ต้องใช้แรงมากเป็นพิเศษ เหมือนกับว่ายทวนน้ำ ถ้าไม่หมั่นทำไว้บ่อย ๆ ก็จะไหลตามน้ำไปอีก

เรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงไม่ใช่รอให้ทางวัดจัดบวชเป็นรุ่น ๆ แบบนี้ แล้วเราค่อยมาปฏิบัติกัน ถ้าอย่างนี้ไม่พอรับประทาน เพราะว่ากิเลสกินเราอยู่ทุกวัน แล้วเราหวังจะเอาชนะแค่ไม่กี่วันที่ปฏิบัติธรรม ย่อมเป็นไปไม่ได้ การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไปตลอดชีวิต

ไม่ต้องหวังผลอะไรมาก เอาแค่อย่าละเมิดกรอบของศีลก็พอ คือ รัก โลภ โกรธ หลง มีได้เป็นปกติ แต่อย่าทำให้เราต้องละเมิดศีล รักขนาดไหน ก็อย่าไปช่วงชิงคนรัก ของรัก ของคนอื่น ข้าวของของเขาดีมีราคาขนาดไหน ก็อย่าไปลักขโมย หยิบฉวยช่วงชิงเขามา พยายามหามาให้ได้ถูกต้องตามศีลตามธรรม

ถ้าลักษณะอย่างนี้เราก็คือปุถุชนชั้นดี เพราะว่ามีศีลเป็นเครื่องอาศัย แรก ๆ เราก็ต้องระวังรักษาศีลด้วยความลำบาก ด้วยความเหนื่อยยาก แต่ว่านานไปเมื่อทำจนเคยชิน ไม่รู้สึกถึงความลำบากเหนื่อยยากแล้ว ตอนนั้นอานิสงส์ของศีลจะย้อนกลับมารักษาพวกเราเอง

พูดง่าย ๆ ก็คือ เรารักษาศีลก่อน แล้วหลังจากนั้นศีลจะมารักษาเรา คำว่าศีลรักษาเราก็คือ สีเลนะ สุคะติง ยันติ ศีลย่อมนำพาไปสู่สุคติ คือที่ไปอันดี คือเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เป็นมนุษย์ชั้นดี เกิดเป็นเทวดา นางฟ้า เกิดเป็นพรหม หรือ สีเลนะ นิพพุติง ยันติศีลเป็นปัจจัยนำเราเข้าสู่พระนิพพาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2022 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา