ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 08-09-2013, 06:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,697 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตนเอง สำคัญที่ว่าต้องตั้งกายให้ตรง กำหนดสติของเราไว้เฉพาะหน้า ก็คือเอาความรู้สึกทั้งหมดของเราตามดูลมหายใจ หายใจเข้า..เอาความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจออกมา จะกำหนด ๑ ฐาน ๓ ฐาน ๗ ฐานอย่างไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัด จะใช้คำภาวนาก็ให้ใช้คำภาวนาที่เราเคยชิน สภาพจิตจะได้ยอมรับได้ง่าย

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ระยะนี้ต้องบอกว่าฝนฟ้าตกเกินความต้องการ ทางด้านทองผาภูมินั้น ตกแบบนี้มาเป็นเดือน ๆ แล้ว ตกกันเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า พระออกบิณฑบาตก็เปียกปอนกันเกือบทุกวัน ที่กล่าวถึงจุดนี้เพื่อที่จะบอกแก่ญาติโยมว่า ฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ ในเมื่อฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้าเราเอากำลังใจไปฝืนธรรมชาติ เราก็จะมีแต่ความทุกข์

แต่ว่าการที่เราจะยอมรับว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นธรรมชาตินั้น เราก็ต้องเห็นจริงและปล่อยวางได้ระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าใครทำได้ ก็จะเป็นการวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติของตนเองได้เป็นอย่างดี ว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดนั้น เราเอามาใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่ ถึงเวลาฝนตกหลาย ๆ วัน ทำอะไรก็ไม่สะดวก ตากผ้าก็ไม่แห้ง เรามีความหงุดหงิดกลัดกลุ้มหรือไม่ ? ถ้ามีความหงุดหงิดกลัดกลุ้มก็แปลว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เป็นปกติธรรมดาแท้ ๆ เรายังไปฝืนใจไม่ยอมรับ ทำให้เกิดโทษ คือจิตใจของตนเองเศร้าหมอง

แต่ขณะเดียวกันสำหรับบางท่าน เมื่อเห็นฝนตกอาจจะดีใจ อย่างเช่น ท่านที่ทำไร่ทำนา แล้วต้องอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตกก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา ในลักษณะของความดีใจ ก็คือความยินดี ความพอใจ เป็นอิฏฐารมณ์ เป็นส่วนของราคะ ความไม่พอใจเป็นโทสะ ความพอใจเป็นราคะ แปลว่าเราจะยินดีหรือยินร้ายก็ตาม เราขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง

ดังนั้น..ในแต่ละวัน เมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น จะเป็นฝนตกแดดออก รถติดอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องรักษากำลังใจของเรา ไม่ให้หวั่นไหวไปตามสถานการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า อย่าไปยินดียินร้ายกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เพราะความยินดียินร้าย ล้วนแต่สร้างโทษให้แก่จิตใจของเรา เนื่องจากเป็นส่วนของกิเลสใหญ่ ก็คือทั้งราคะและโทสะนั่นเอง

ถ้าเรามีสติปัญญาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ก็จะมองเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แล้วค่อย ๆ ปล่อยวางลงได้ ยอมรับได้ ถ้าเรายอมรับ อย่างภาษาโบราณที่ว่า อยู่ใต้ฟ้าต้องไปกลัวอะไรกับฝน เราก็จะไม่เกิดความรู้สึกหนักใจ เสื้อผ้าเปียกก็สามารถที่จะตากแห้งหรือไม่ก็อบแห้งได้ เพราะสมัยนี้เครื่องอำนวยความสะดวกมี ร่างกายเปียกปอนมา ก็คิดเสียว่าอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกรอบหนึ่งก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2013 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา