งานพฤกษาสยามครั้งที่ ๔ ซึ่งมี ตั้งแต่ ๒๔ สิงหาคม - ๒ กันยายน ๒๕๕๐ ณ ห้อง เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ กรุงเทพฯ มีการจัดแสดงพันธุ์ไม้โบราณที่หายากและใกล้สูญพันธุ์เพื่อการอนุรักษ์ รวมทั้งการประกวดพันธุ์ไม้ ๘ ประเภท ได้แก่ บอนไซ โกสน บอนสี อโกลนีมา ลีลาวดี โป๊ยเซียน กล้วยไม้ และชวนชม ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ และเงินรางวัลรวมกว่า ๘ แสนบาท
นอกจากนี้ในงานยังมีการแสดงว่านไทยโบราณ จัดแสดงในรูปแบบสวนว่านไทย อาทิ ว่านกระบี่ทอง ว่านทรหด ว่านทุ่งเศรษฐี ว่านนเรศวร ว่านกล่อมนางนอน ฯลฯ แต่สิ่งที่ถือเป็นไฮไลต์ของงาน คือ “รากราคะ” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ว่านดอกทอง” ซึ่งเป็นว่านโบราณที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ต้นว่านดอกทอง
นายณรงค์ ค้านอธรรม นักอนุรักษ์ว่านไทยโบราณ เจ้าของว่านรากราคะ เผยว่า ว่านนี้อยู่ในวงศ์ซิงจิเบอร์เรซี เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิง ลักษณะลำต้นใต้ดินเป็นเหง้ากลม แตกแง่งเป็นไหลเล็กยาว ๕-๑๐ นิ้ว เนื้อในหัวถ้าเป็นตัวผู้จะมีสีเหลือง ส่วนตัวเมียเนื้อสีขาว มีกลิ่นคาวจัดคล้ายกับอสุจิของคน
พบมากทางภาคตะวันตกและภาคเหนือ แถบจังหวัดกาญจนบุรี ตาก ลำปาง ใบเป็นรูปหอกสีเขียวมีขนาดเล็ก เส้นกลางใบสีแดง
ทั้งต้นสูงประมาณ ๑ ฟุต ออกดอกในหน้าฝน คล้ายดอกกระเจียว แต่ไม่มีก้านดอกจะอยู่ติดกับพื้นดิน มีสีขาวอมเหลือง โดยแทงดอกขึ้นจากเหง้าหลักที่อยู่ใต้ดิน ก่อนการงอกของใบ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-01-2011 เมื่อ 07:43
|