ความจริงวันนี้ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนี้ แต่ยาวมาจนถึงบัดนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ต้องบอกว่า ถ้าหากว่า "สิ้นสติ" เมื่อไรก็จะออกอาการแบบนี้เสมอ
เพียงแต่ว่าช่วงหลายวันนี้ที่เราปฏิบัติธรรมอยู่ ระยะเวลาก็ไม่ได้มากมาย เพราะว่าพรุ่งนี้ถ้างานที่อำเภอเสร็จเร็ว ก็คงจะเปิดปฏิบัติธรรมตามเวลาปกติ แต่ถ้าหากว่าเสร็จช้าก็อาจจะล่าช้าลงไปหน่อย แต่กระผม/อาตมภาพก็คงจะไม่ได้บิณฑบาต เพราะว่าเขานัดพร้อมกัน ๗ โมง ๑๕ นาที ถ้ามีอะไรช้าแม้แต่นิดเดียวแล้วกลับมาไม่ทัน ก็จะกลายเป็นตัวถ่วงคนอื่นเขา
แต่ว่าเท่าที่สังเกตดู แม้ว่ากระผม/อาตมภาพจะสายขนาดไหนก็ตาม ก็มักจะต้องไปรอคนอื่นอยู่ดี เพราะว่ามักจะมีคนที่สายกว่า จะว่าไปแล้ว บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นคนที่มีเวลามาก ก็คือต้องเกิดอีกมาก จึงรู้สึกว่าตัวเองมีเวลาเหลือเฟือ ส่วนกระผม/อาตมภาพเป็นคนมีเวลาน้อย มีอะไรก็ต้องรีบทำ เพราะไม่รู้ชีวิตจะสิ้นลงไปในวันนี้หรือเปล่า
ในเมื่อความคิดและการกระทำไปคนละแนวทางกัน บางทีก็ไปด้วยกันยาก ยกเว้นอย่างเดียวก็คือวางอุเบกขา ทางใครทางมัน เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้ แม้กระทั่งการภาวนาคาถาเงินล้านก็ภาวนาแทนกันไม่ได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-06-2022 เมื่อ 02:21
|