"อาตมาเองเวลาเข้าโรงแรม สิ่งแรกที่ทำก็คือสรงน้ำ เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ซักถุงเท้า เอาถุงเท้ากันหนาวไป ๖ คู่ ใช้อยู่แค่ ๒ คู่ คู่แรกคือคู่ที่ใช้ทุกวันเช้ายันค่ำ ซึ่งต้องซัก คู่ที่สองก็คือใช้ตอนค่ำจนถึงประมาณเที่ยงคืน คู่นี้ใส่กันหนาว พอหลังเที่ยงคืนจะลุกขึ้นมาเอาถุงเท้าที่ซักไว้มาใส่ ถ้ายังไม่แห้งหรือแค่หมาด ๆ เวลาเราใส่ก็จะแห้งคาเท้าไปเอง ใครจะเลียนแบบก็ได้นะ แต่ถ้าเปิดฮีตเตอร์แบบห้องอื่นเขาก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าใช้ฮีตเตอร์ตากถุงเท้าแห้งได้
อาตมาเองเข้าห้องไป อันดับแรกเลยคือ เปิดหน้าต่าง อากาศข้างนอกหนาวเท่าไร ข้างในต้องหนาวเท่านั้น แล้วถ้าปิดไฟไม่ได้ก็จะดึงบัตรออกเลย บัตรกุญแจถ้าเราชักออก ไฟจะดับทั้งห้อง เหตุที่ทำอย่างนั้นเพราะว่า เวลาอากาศข้างในกับข้างนอกเย็นเท่ากันแล้ว ตอนช่วงเช้าไปไหนเราจะไม่หนาว แต่ถ้าในห้องอุ่นแล้วออกไปข้างนอกจะหนาวมาก นี่เป็นวิธีปฏิบัติประจำตัว ไม่แนะนำให้คนอื่นทำตาม
ซักถุงเท้าเอาไปตาก เสร็จแล้วก็มาสำรวจทรัพย์สินของตัวเอง ปรากฏว่าหูเป้ขาด ก็ต้องเอามาผูกกันเอง สรุปแล้วมีคนประมูลไป ๒๐๐ หยวน เป้ขาด ๆ ๑ ใบ ไม้เทร็กกิ้งได้มา ๕๐๐ หยวน แล้วก็รองเท้าลุยหิมะ ๑ คู่ ได้มา ๗๐๐ หยวน สรุปแล้วสินค้าที่ซื้อไปทุกชิ้นขายได้หมดเลย เก่าแค่ไหนก็ขายได้
ยังขำ ๆ โยมบางคน ถามว่าเป้หูขาดแล้วเอาไปทำไม ? ความจริงคือพลาสติกหัก ถ้าเอาสายเป้มาผูกกับห่วงของเป้ก็ยังใช้ได้อยู่ เพียงแต่ว่าในสายตาของเขาก็คือเป้ขาดแล้ว ส่วนคนที่อยากได้ก็เพราะเห็นว่า มีรอยจารของหลวงพ่ออยู่ที่เป้ ที่แย่งกันประมูลก็คือจะเอารอยจารนั่นเอง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2019 เมื่อ 10:35
|