ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 09-01-2022, 23:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,705 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๕

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงเช้า วันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔

อาตมาเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้วันรู้คืน เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่สักที ปกติคนอื่นอายุ ๖๓ - ๖๔ ปี ก็เริ่มกระย่องกระแย่งแล้ว เป็นคนลืมวันลืมคืน ก็เลยนึกว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่ จึงทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ใช่การ "เมาวัย" เมาวัยคือรู้สึกว่าตัวเองหนุ่มสาวแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ยินดีกับการที่จะเป็นหนุ่มเป็นสาวแบบนี้ มองไม่เห็นความแก่ที่มาเยือนอยู่ทุกชั่วลมหายใจ อย่างนั้นเขาเรียกว่า เมาวัย

ถ้าหากว่า "เมาชีวิต" ก็ดำเนินชีวิตสำมะเลเทเมา กินเหล้าเมายา เที่ยวกลางคืน เล่นการพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร เรื่องดี ๆ อย่างการงานก็ไม่ค่อยจะทำ อันนี้เมาชีวิต ไม่คิดว่าตัวเองจะตาย เพราะฉะนั้น...ต้องเลิกเมาได้แล้ว ถ้าหากว่ายังเมาอยู่ จะเอาตัวไม่รอด

ส่วนอาตมานี่ "เมางาน" ตอนนี้เฉพาะตำแหน่งที่เป็นทางการก็ ๓๐ กว่าตำแหน่งเข้าไปแล้ว ประชุมอย่างเดียวก็ไม่เหลือเวลาอะไรแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นเขาคิดได้อย่างไร ว่าเราจะทำงานไหว ? ถึงได้เอาตำแหน่งมาให้เยอะขนาดนี้

ตำแหน่งล่าสุดคือพระวิปัสสนาจารย์ ของกองการวิปัสสนาธุระแห่งประเทศไทย ได้รับแต่งตั้งโดยไม่ต้องผ่านการอบรม โคตรเท่เลย..! พวกที่อบรมกัน ๓ เดือนนี่หน้ามืดเลย บ่นกันกระอุบกระอิบว่า "ทำไมหลวงพ่อเล็กไม่เห็นต้องอบรมเลย ?" จะไปอบรมอีท่าไหนวะ ? ให้อาตมาไปเป็นอาจารย์พวกคุณเองยังไหวเลย..!

ในเมื่อตำแหน่งมา หน้าที่การงานก็มาด้วย คราวนี้การที่เราจะทำหน้าที่การงานให้เต็มที่ ก็ต้องอาศัยหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ก็คืออิทธิบาท ๔

ฉันทะ จะต้องมีความพอใจ และมีความยินดี ที่จะทำหน้าที่การงานนั้น ๆ
วิริยะ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ไปอย่างเต็มที่
จิตตะ กำลังใจจดจ่ออยู่กับงาน ไม่เคลื่อนไม่คลายไปไหน ทำไม่เสร็จไม่เลิก แต่นิสัยนี้ไม่ค่อยดี เมื่อไม่เสร็จไม่เลิก บางทีดึกดื่นเที่ยงคืนก็ทำไปเรื่อย จนขาดการพักผ่อน
แล้วก็วิมังสา ไตร่ตรองทบทวนอยู่เสมอ เราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ทำไปถึงไหนแล้ว ? ยังเหลืออีกมากน้อยเท่าไรกว่าจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ ?

บางท่านก็แต่งเป็นโคลงเป็นกลอนเอาไว้ว่า
พอใจ พอใจ ใฝ่ความรู้
เพียรอยู่ เพียรอยู่ ไม่ท้อถอย
จดจ่อ จดจ่อ เฝ้ารอคอย
ทวนบ่อย ทวนบ่อย กันหลงลืม


อิทธิบาท แปลว่าพื้นฐานของความสำเร็จ
อิทธิ แปลว่าความสำเร็จก็ได้ แปลว่าฤทธิ์ก็ได้
แบบเดียวกับคำว่า กฤต
กฤต..เป็นภาษาสันสกฤต อิทธิ..เป็นภาษาบาลี
ผู้หญิงชื่อ กฤติยา แปลว่าผู้หญิงผู้ประสบความสำเร็จ ณัฐกฤต..นักปราชญ์ผู้ประสบความสำเร็จ ธนกฤต..สำเร็จด้วยเงิน..อันนี้ดีแต่ซื้อเขา..! บ้านเราแปลกตรงที่พื้นฐานจริง ๆ มาจากบาลี แต่ใช้สันสกฤตเสียเยอะมากเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-01-2022 เมื่อ 06:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา