เพราะว่าโยมตรวจประเมินตามเกณฑ์ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งตายตัว แต่ไม่ได้ดูบริบท ก็คือว่าพื้นที่เป็นอย่างไร เด็กที่ญาติโยมว่าเก่งนักเก่งหนา ได้เหรียญทองฟิสิกส์โอลิมปิก ได้เหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิก เอามาโยนเข้าป่าพร้อมกับเด็กของอาตมาดูสิ ใครจะอดตายก่อนกัน !!?
กรรมการทั้งหมดเงียบเป็นเป่าสาก จนในที่สุดประธานคณะกรรมการบอกว่า "ตั้งแต่ตรวจประเมินมา เพิ่งมีหลวงพ่อนี่แหละที่ชี้ปัญหานี้อย่างชัดเจนที่สุด" อาตมภาพบอกว่า ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่เห็นปัญหา แต่คนอื่นเกรงใจพวกท่านก็เลยไม่กล้าพูด แล้วก็ไปโยนความผิดให้กับท้องที่ ซึ่งตรงนี้อาตมารับไม่ได้
ดังนั้น...ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ญาติโยมต้องเข้าใจว่า ถ้าเราปฏิบัติธรรม ความที่เรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา นอกจากทำให้เรามีความแกล้วกล้าแล้ว เรายังมีสติ มีปัญญา มองเห็นปัญหาต่าง ๆ อย่างชัดเจน เมื่อรู้แล้วก็อยู่ที่ว่า เรามีความสามารถเพียงพอที่จะแก้ไข หรือไม่สามารถแก้ไข เมื่อเราดิ้นรนจนสิ้นกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ แล้วแก้ไม่ได้ ค่อยยอมรับว่าสิ่งนั้นเป็นกฎของกรรม
กระผม/อาตมภาพเองก็คงต้องตักน้ำรดหัวตอไปเรื่อย ๆ เพราะว่าถ้าตราบใดที่รัฐบาลยังไม่ลงมาเป็นเจ้าภาพ แล้วผ่าตัดระบบการศึกษาทางพระพุทธศาสนาของเด็กทั้งประเทศ ย่อมจะไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็คือปัญหาที่เด็กศึกษาแล้ว ไม่สามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ทำอย่างไรที่จะมีคณะกรรมการสักชุดหนึ่ง ปรึกษาหารือกับทางคณะสงฆ์ว่า เด็กระดับไม่เกินประถม ๖ เรียนแล้วต้องมีความเข้าใจในศีล ๕ อย่างชัดเจน ต้องรักษาศีล ๕ ได้ เด็กในระดับไม่เกินมัธยม ๓ เรียนแล้ว ต้องเข้าใจศีลอย่างชัดเจน รักษาศีลได้ ทำสมาธิเป็น
นักเรียนในระดับมัธยม ๖ ทำอย่างไรจะเข้าใจศีลอย่างชัดแจ้ง รักษาศีลได้ ทำสมาธิได้ และเอากำลังสมาธินั้นมาก่อให้เกิดปัญญาในการศึกษาเล่าเรียนได้ แล้วถ้าหากว่าเป็นเด็กระดับปริญญาตรี ทำอย่างไรจะให้เข้าใจอริยสัจได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับ ทุกอย่างจะดับหมด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขอฝากท่านทั้งหลายที่มีอำนาจ แล้วเข้ามาฟังอาตมภาพบ่นอยู่ตรงนี้ ถ้าเป็นไปได้ พยายามช่วยบ่นต่อให้ถึงรัฐบาลด้วย เพราะว่าถ้าไม่ได้เจ้าภาพระดับนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะผ่าตัดระบบ ซึ่งอุ้ยอ้าย เทอะทะ และหลงออกทะเลไปนานแล้ว เพื่อให้กลับมาดีได้
จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และเจริญพรแก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2021 เมื่อ 03:34
|