ดูแบบคำตอบเดียว
  #123  
เก่า 19-05-2019, 22:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,980 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ถ้าลูกหลานรู้ว่าอะไรเป็นบุญเป็นกุศล ถึงเวลาคนตายก็สบาย พอตายถวายสังฆทานทันที ต้องบอกว่ารับกันต่อหน้าต่อตา ไม่ทันจะรู้ตัวว่าตายเลย จะโดนบุญทับตายซ้ำอีกทีแล้ว...!

ส่วนท่านที่ไม่รู้จักบุญไม่รู้จักกุศล อย่างสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าต้องแนะนำพระเจ้าพิมพิสารทำพิธีปุพพเปตพลี ก็คือทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตาย เพราะว่าสมัยนั้นเขามีแต่บูชายัญ มีแต่บวงสรวงเทพเจ้า ปรากฏว่าพอพระพุทธเจ้าแนะนำทำบุญให้แล้ว บอกให้อุทิศส่วนกุศล

พระเจ้าพิมพิสารด้วยความที่นับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน พวกพราหมณ์นี่เวลาให้อะไรใครก็เอาน้ำรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันให้เธอแล้ว คราวนี้ผีก็ไม่ยื่นมือมาให้รด พระเจ้าพิมพิสารก็เอาน้ำรดมือตัวเอง อุทิศส่วนกุศลให้ อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหตุ ญาตะโย ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายจงมีความสุข

พวกเราก็ถือรูปแบบตาม ๆ กันมา ก็เอาน้ำรดมือ รดไปรดมาเปียกมือ ขี้เกียจเช็ดก็เหลือแค่นิ้วเดียว ที่เขาเรียกว่ากรวดน้ำ ถ้าจะเอาถูกต้องตามแบบต้องรดใส่ฝ่ามือเลย ระยะหลังนี้พอหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า แค่เราคิดอุทิศให้ก็ได้แล้ว ก็ไม่ต้องเอาน้ำรดมือให้เสียเวลา คนก็เลิกรดไปจำนวนหนึ่ง เพียงแต่ว่าถ้าอยู่ที่ไหนเขายังนิยมรดก็รดตามเขาไปเถอะ อย่าไปขวางเขา เดี๋ยวมีรายการสงสัยแล้วอธิบายไม่ได้ ก็จะเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันอีก ไปเถียงชาวบ้านเขานี่เหนื่อย

โบราณเขาบอกว่า ขัดถ้วยขัดจานยังขาวสะอาด ไปขัดคอคนไม่ได้อะไรเลย นอกจากจะโดนด่าเอา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2019 เมื่อ 04:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา