ส่วนในระยะเวลาที่เราต้องการกำลังของสมาธิในระดับใดก็ตาม ไม่ว่าจะใช้ในการพิจารณาวิปัสสนาญาณก็ดี ใช้ในการกดกิเลสไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นก็ตาม หรือว่าใช้เพื่อที่จะให้ตนเองได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ก็สามารถที่จะใช้สมาธิทั้งหลายเหล่านี้ในระดับต่าง ๆ ที่ตนเองต้องการได้
และท้ายที่สุดก็คือ ใช้สมาธิระดับนั้นเกาะในอุปสมานุสสติ หรือเกาะพระนิพพานเป็นปกติ ถ้าหากว่าสภาพจิตของเราเคยชินกับอารมณ์พระนิพพาน ว่าเป็นอารมณ์ที่สงบ สงัด ปลอดจากกิเลสทั้งปวง ว่างจากความปรารถนาใด ๆ มีแต่ความสุข สงบ เยือกเย็นอยู่เฉพาะหน้า ถ้าหากเราเคยชินแล้วนำเอาอารมณ์นี้มารักษาไว้ได้ จนกระทั่งสภาพจิตของเราเกาะอยู่ในอารมณ์นี้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ท่านก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้โดยกำลังของสมาธิ ดังที่พระบาลีเรียกว่า เจโตวิมุติ ก็คือการหลุดพ้นโดยการอาศัยกำลังของสมาธิหรือสมถภาวนานั่นเอง
ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย นาทามและทะเล)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2020 เมื่อ 16:10
|