ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ญาติโยมจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตราบใดที่เราปฏิบัติธรรมแล้วยังไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ยังต้องอาศัยเวลาที่สงบสงัดอย่างแท้จริงในการปฏิบัติ นั่นแปลว่าเราเองยังเข้าไม่ถึงความดีอย่างแท้จริง เพราะว่ายังสามารถทำได้ในเฉพาะบางเวลาเท่านั้น
จึงควรที่จะขวนขวายเร่งรัดตนเองให้มากขึ้น อย่างเช่นว่าฝึกการเข้าสมาธิให้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ออกจากสมาธิให้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เข้าสมาธิระดับใดก็ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ออกจากสมาธิระดับใดก็ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เข้าสมาธิโดยการตั้งระยะเวลาเอาไว้ว่าต้องการมากน้อยเท่าไร ถึงเวลาให้จิตถอนออกมาตรงตามเวลาที่เราต้องการ หรือว่าการที่บังคับตนเองให้ใช้สมาธิในระดับที่เรียกว่า 'ใช้งาน'...คือสภาพจิตมีความสงบสงัด เหมือนกับที่เราเข้าสมาธิระดับสูงสุดไว้ได้ แต่สามารถบังคับร่างกายให้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้เหมือนกับอยู่ในระดับอุปจารสมาธิ เป็นต้น
ถ้าท่านทั้งหลายสามารถซักซ้อมได้ในลักษณะนี้ จนมีความคล่องตัว สมาธิของท่านก็จะอยู่ในระดับที่อาศัยได้ ก็คือในเวลาปกติก็สามารถที่จะตั้งสมาธิให้ทรงตัว ไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เข้ามากินใจของเราได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2020 เมื่อ 16:09
|