ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 03-07-2021, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในเรื่องของทาน ไม่ใช่ว่าทำมากแล้วจะดีเสมอไป เรื่องของทาน สำคัญตรงที่ทำบ่อย ๆ ทำน้อย ๆ ก็ได้ ขอให้ได้ทำ พอสภาพจิตของเราเคยชินกับการสละออก ก็จะสามารถทำมากขึ้นไปได้ ถ้าหากว่าเราทำมากทีเดียว สภาพจิตของเรายังมีมัจฉริยะ มีความตระหนี่ความหวงแหนอยู่ ทานที่เราทำก็ได้ผลไม่เต็มที่

การที่เราให้ทานเพื่อให้ได้ผลเต็มที่ อันดับแรก..วัตถุทานต้องได้มาโดยบริสุทธิ์ อันดับที่สอง...เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์ อันดับสาม...ผู้ให้คือตัวเราเป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ อันดับสุดท้าย...ผู้รับต้องมีศีลบริสุทธิ์ อานิสงส์ถึงจะได้เต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ ส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง อานิสงส์ก็พร่องไปตามส่วน


ดังนั้น..ในเรื่องของการให้ทาน สำหรับพวกเราแล้ว ระดับบารมีสูง สามารถให้ได้ง่าย ให้ได้สะดวก เราก็เพิ่มการรักษาศีลและเจริญภาวนาเข้าไป โดยเฉพาะศีล ถือว่าเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ตัวตายดีกว่าศีลขาด ตอนแรกเราอาจจะต้องพยายามรักษาศีล แต่พอรักษาไปจนชิน ศีลจะย้อนกลับมารักษาเรา

ส่วนการภาวนานั้น อย่างน้อย ๆ เช้าเย็นต้องมีอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการสัก ๒๐ - ๓๐ นาทีต่อครั้งก็ยังดี ส่วนในแต่ละวัน ถ้าหากว่าเราทำงาน เอาใจจดจ่ออยู่กับงาน เราว่างเมื่อไร กำลังใจค่อยกลับมาอยู่กับการภาวนา ถ้าทำอย่างนี้ ไม่ว่าทาน ไม่ว่าศีล ไม่ว่าภาวนา ท่านทั้งหลายก็จะเจริญก้าวหน้า สมดังความปรารถนาของตน

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และเจริญพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2021 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา