แต่ถ้าท่านทั้งหลายสามารถที่จะปล่อยวาง มีอุเบกขาในทาน รู้ว่าการให้เป็นการตัดโลภะหรือความโลภในใจของเรา เราพร้อมที่จะให้ได้ทุกเวลา ให้แล้วก็แล้วกัน ถ้าลักษณะอย่างนั้น ท่านสามารถที่จะปล่อยวางได้ โอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานก็มีอยู่
แต่ว่าการที่จะทำเช่นนั้นได้ ยังต้องมีศีลและมีการเจริญภาวนาประกอบ เพื่อช่วยให้บารมีของเราเข้มแข็งทรงตัวยิ่งขึ้น และขณะเดียวกัน ปัญญาก็จะได้เกิด เห็นลู่ทางว่าเราจะทำอย่างไร ถึงจะสามารถดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของบุญของกุศล ตลอดจนกระทั่งขัดเกลาจิตใจของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดยเฉพาะในส่วนของการให้ทาน มีผลเป็นร้อยส่วน การรักษาศีลมีผลเป็นหมื่นส่วน การเจริญภาวนามีผลเป็นล้านส่วน
การให้ทานนั้น อรรถกถาจารย์ท่านบอกว่า ให้ด้วยกายอย่างเดียวก็ได้ ก็เป็นเรื่องจริง แต่ความจริงถ้าใจไม่เสียสละ กายก็ไม่สามารถที่จะให้ทานได้ เรื่องของศีลนั้น ท่านอธิบายว่า ที่อานิสงส์มากกว่าทานเป็นร้อยเท่า เพราะว่าต้องควบคุมทั้งกายและวาจาไปพร้อมกัน แต่ความจริงตรงนี้ก็คือ ถ้าคุมที่ใจทุกอย่างจบเลย ส่วนการเจริญภาวนานั้น ท่านอธิบายว่า ต้องคุมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ จึงมีอานิสงส์มากกว่าทานเป็นล้านเท่า มากกว่าศีลเป็นหมื่นเท่า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2021 เมื่อ 02:24
|