ดูแบบคำตอบเดียว
  #147  
เก่า 06-12-2012, 11:25
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,848 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

สอนเศรษฐีบ้านนอก

อีกคราวหนึ่งระหว่างเดินกรรมฐานไปทางอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ท่านได้รับนิมนต์ให้เป็นองค์เทศน์ในงานทำบุญบ้าน บทธรรมที่ท่านแสดงในวันนั้น สามารถพลิกชีวิตชายผู้เป็นเศรษฐีคนหนึ่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังนี้

“...มีเศรษฐีสองผัวเมีย อายุราว ๕๐ ปี เงินทองข้าวของในสมัยนั้นเรียกว่าค้าเงินหมื่น คนถ้าลงมีเงินหมื่นแล้วร่ำลือกัน เงินล้านสมัยนี้สู้ไม่ได้ สองผัวเมียเขามีเงินเป็นหมื่น ๆ เวลาจะทำบุญให้ทานก็ไม่อยากทำ ผัวไปซื้อของไปจ่ายตลาด ถือตะกร้าเปล่าไปฉันใดก็ถือตะกร้าเปล่ากลับมาฉันนั้น คือซื้อไม่ลงตระหนี่ถี่เหนียว จะซื้ออะไรมากินซื้อไม่ลง ซื้อไม่ได้ ความตระหนี่ไม่ยอมให้ซื้อ แต่มีดีอันหนึ่งพอกลับมาแล้ว เมียถามว่า ‘ทำไมไม่ซื้อของมา’


‘โอ๊ย! ข้อยซื้อไม่ลง เจ้าไปซื้อซะไป๊’ จึงให้เมียไปซื้อแทน

พอเมียไปซื้อ ซื้อมาเท่าไรไม่เคยถามนะ ว่าราคาเท่าไรอันนั้นราคาเท่าไร ๆ กินได้สบาย คือเจ้าของไม่เชื่อตัวเอง นี่ข้อหนึ่งที่เป็นคติอันดี...

วันนั้นเผอิญเราเดินกรรมฐานไปทางนั้น เขานิมนต์เราเป็นองค์เทศน์ เราก็เทศน์ให้ฟัง เทศน์ไปโดนเอาใจดำแก ‘ยังไง’ ไม่รู้นะ จากนั้นแกไปทำงานทำการอะไร .. ไม่พูดทั้งวัน นั่งก็ขรึม เดินก็ขรึม ทำอะไรก็ขรึมไปหมด เคร่งขรึมตลอดเวลา ผิดสังเกต

หมู่เพื่อนจึงถามว่า ‘อ้าว ! เป็นยังไงเพื่อน แต่ก่อนก็เห็นรื่นเริงบันเทิง วันนี้ทำไมถึงเงียบ ๆ ตลอด เป็นอะไรได้รับความทุกข์ความทรมานอะไรบ้าง ? ถึงเป็นอย่างนี้’

‘อ๋อ! ..เรื่องความทุกข์ก็ถือหรือความสุขก็ไม่น่าจะผิด’ แกว่า

‘อ้าว! มันเป็นยังไง ว่าให้ฟังบ้างสิ’ เพื่อนถาม

‘เพื่อน…ก็เมื่อเช้านี้เราไปในงานเขา เขาทำบุญบ้าน ท่านมหาบัวเป็นองค์เทศน์ ท่านเทศน์ถึงเรื่องความตระหนี่ถี่เหนียว แล้วพูดถึงเรื่องความเสียสละ ความตระหนี่ถี่เหนียวมันมากองอยู่กับเราหมด ท่านก็เทศน์ว่าตายไปไม่ได้อะไร เราก็พิจารณาดู.. ตายเราจะเอาอะไรไป เราก็ไม่ได้อะไร!! ตรงนี้ละเศร้าโศก เงินทอง ข้าวของมีมากมีน้อย เท่าไรก็ไม่เป็นประโยชน์ ลูกก็ไม่มี อยู่กันผัวเมียสองเฒ่าเท่านั้นแหละ เลยเกิดความเศร้าโศกเหงาหงอย

แล้วพลิกใจ แต่นี้ต่อไปจะไม่เป็นคนประเภทนี้อีก จะเป็นนักทำบุญให้ทาน หมดก็หมด เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ตระหนี่เราก็เคยตระหนี่มาแล้ว ความสุขก็ไม่เห็นมีเท่าไร ก็เหมือนโลก ๆ เขาดี ๆ นี่เอง ดีไม่ดีทุกข์กว่าเขาอีก เพราะเรามีสมบัติมากด้วย เราตระหนี่ถี่เหนียวมาก ต้องหึงหวงมาก เป็นทุกข์กว่าโลกเขามาก คราวนี้จะต้องแบ่งให้กินให้ทาน ให้สม่ำเสมอดั่งที่ท่านว่า’

ตั้งแต่นั้นมาแกเปลี่ยนเป็นคนละคน เมียจะไปจ่ายตลาดก็ไป ผัวไปจ่ายตลาดจ่ายได้สบายเลย ทำไมแกพลิกได้ขนาดนั้น แล้วการทำบุญให้ทาน นี่..จนเป็นหัวหน้าเขาเลย มีงานอะไร ๆ เขาต้องมาเชื้อเชิญแก...”

เวลาผ่านไปหลายปีนับแต่วันนั้นมา ท่านมีโอกาสพบกับชายเศรษฐีคนนี้อีกครั้งในงานศพหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ที่วัดอรัญญวิเวก บ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ท่านเล่าว่า
เราก็นึกว่าแกตายไป ๕ ทวีปแล้วนะ แกเข้ามาหา ได้บวชเป็นพระ เข้ามากราบทักถามว่า ‘ท่านมหา... ท่านจำผมได้ไหม ?’..”


เศรษฐีคนนั้นเล่าชีวิตของแกให้ท่านฟังว่า “ผมได้เป็นผู้เป็นคนมาก็เพราะท่านมหา อยู่ไหนก็ตามผมกราบท่านไม่ลืมเลย ผมไม่นึกว่า ผมจะได้พบท่านมหาอีก วันนี้ยังมาพบกันจนได้ บุญผมมี ท่านมหาเป็นคนลากผมขึ้นจากนรก ผมเป็นผู้เป็นคนมาทุกวันนี้เพราะท่านมหาเทศน์อยู่ที่บ้าน ผมเป็นผู้เป็นคนมาตั้งแต่บัดนั้น

เวลานี้ผมชื่นบานหรรษาภายในจิตใจ การทำบุญให้ทานผมก็ไม่อัดไม่อั้น ทานเสียเต็มที่แล้วก็มาบวช เสียสละไปหมดเลย ความตระหนี่ถี่เหนียวก็เคยตระหนี่ ความเสียสละก็เคยเสียสละ เสียสละจนบวช ผมนี่เต็มภูมิ เต็มภูมิทั้งสอง”

พอเล่าจบลง แกก็ก้มลงกราบแล้วกราบเล่า ด้วยเห็นบุญเห็นคุณของท่านมิรู้ลืม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2012 เมื่อ 15:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา