ดูแบบคำตอบเดียว
  #24  
เก่า 10-06-2022, 01:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,366
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่กินรี จนฺทิโย หลวงปู่กินรีก็บอกว่า "ท่านชา..ทำอะไรช้า ๆ เอาสติตามดูไปด้วย ตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ จะนุ่งสบง ทรงจีวร ครองผ้าอย่างไรก็ทำช้า ๆ เอาสติกำหนดตามไปด้วย" หลวงพ่อชาก็ทำตาม

แต่หลวงปู่กินรีนั่งลง ๒ นาที ฉันอิ่มแล้ว..! หลวงปู่กินรีบอกให้ทำโน่นทำนี่ช้า ๆ แต่ท่านเองเร็วเป็นจรวดเลย..! หลวงพ่อชาหงุดหงิดมาก เข้าไปกราบหลวงปู่ "ไหนบอกให้ทำอะไรช้า ๆ ทำไมหลวงพ่อทำเร็วมากเลย ?" หลวงปู่กินรีบอกว่า "คนขับรถเร็วแล้วปลอดภัยก็มี ในเมื่อเราเพิ่งจะหัดขับ ก็ต้องไปช้า ๆ ก่อน" ลืมไปว่าตัวเองเป็นเด็กเพิ่งหัดเดิน เห็นนักวิ่งโอลิมปิก ๙ วินาทีถึงที่หมายหนึ่งร้อยเมตร ก็จะเอาบ้าง เด็กหัดเดินนี่ครึ่งวันไปได้ ๑๐๐ เมตรก็ดีตายชักแล้ว..!

เพราะฉะนั้น..ระยะแรกก็เหมือนกับคนที่ทำอะไรเชื่องช้ามาก แต่พอสติรู้ระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น ปัญญารู้ว่าจะประคับประคองอย่างไร ไม่ให้สติสมาธิหลุดจากเป้าหมายของตนเอง มีความคล่องตัว มีความชำนาญมากขึ้น ก็สามารถที่จะทำอะไรได้เร็วขึ้น

แต่ว่าทางสายพองยุบก็ยังบอกอีกว่า คัจฉันโต วา คัจฉามีติ ปะชานาติ ไม่ว่าจะเดินไปหรือว่าจะเดินมา ก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ จะเหยียดแขน จะคู้แขน ก็รู้ตัวอยู่เสมอ ยกตัวอย่างหลวงปู่อัสสชิ ท่านเดินบิณฑบาตมีสติรู้รอบตลอดเวลา อุปติสสมาณพหรือว่าพระสารีบุตรเห็นแล้วชอบใจ เดินตาม พอหลวงปู่อัสสชิบิณฑบาตได้อาหารพอประมาณที่จะฉันอิ่ม ก็เดินออกนอกเมือง เจอสถานที่เหมาะสม ท่านก็ปูอาสนะ นั่งลงทำภัตกิจ..ก็คือฉันอาหาร

พระสารีบุตรก็รอจนกระทั่งท่านฉันเสร็จ ก็เอาน้ำใช้ น้ำฉัน เข้าไปถวาย ช่วยล้างบาตรให้ แล้วก็สอบถามว่า "ท่านผู้เจริญ อิริยาบถของท่านช่างน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านมีผู้ใดเป็นศาสดาหรือ ?" พระอัสสชิบอกว่า "ศาสดาของเราคือพระสมณโคดม"

อุปติสสมาณพถามว่า "พระสมณโคดมสอนธรรมอันใดแก่ท่านผู้เจริญบ้าง ?" พระอัสสชิเป็นนักปฏิบัติ ไม่ใช่นักพูด ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่าสอนเยอะ แต่ด้วยความที่ท่านยังเป็นผู้ใหม่อยู่ ก็เลยจำได้แค่สั้น ๆ ก็คือคาถาเย ธัมมาฯ ที่พวกเราเคยได้ยินกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2022 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา