พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการฉันภัตตาหาร ถ้าหากว่าเป็นพระไทยเราก็คือ ๒ มื้อ เช้ากับเพล ถ้าเป็นสายวัดป่าก็มื้อเดียว ประมาณ ๙ โมงครึ่ง ๑๐ โมง แต่ถ้าเป็นพระพม่านี่ท่านฉันจนกระทั่ง ๕ โมงครึ่งตอนเย็น ก็คือเกือบ ๖ โมงเย็น ถามว่าทำไมพระพม่าฉันได้ขนาดนั้น ? เพราะว่าท่านตีความพระวินัยเท่ากัน
คือศีลพระมีอยู่ ๒ ข้อ ข้อหนึ่งว่าภิกษุฉันอาหารในเวลาวิกาลต้องอาบัติปาจิตตีย์ เวลาวิกาลนี่เราไปตีความว่าหลังเที่ยงไปแล้ว อีกข้อหนึ่งท่านบอกว่าภิกษุเข้าบ้านในเวลาวิกาล ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ตรงนี้เราไปตีความว่าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
คราวนี้ของพม่าเขาตีความเดียวกัน ก็คือพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วถึงเรียกว่าวิกาล เพราะฉะนั้น...ประเภท ๕ โมง ๕ โมงครึ่ง ถ้าท่านฉันกันอยู่ ถ้าเห็นอย่าไปตำหนิท่านนะ เพราะว่าท่านตีความพระวินัยเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ของเรานี่ตีความต่างกัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2018 เมื่อ 21:14
|