ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 02-09-2022, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,320 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพขออนุญาต "เจ้าของกุฏิ" เปิดประตูหน้าต่างเพื่อรับแสงแดด อีกฝ่ายหนึ่งอนุญาตให้ แต่บอกว่าอย่าเกิน ๗ โมงเช้า เพราะว่าถ้าแสงแดดแรงเกินไปแล้ว ตนเองจะรับไม่ไหว..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรดา "ผี" ต่าง ๆ ที่พวกเราเรียกกันนั้น เป็นพลังงานฝ่ายตรงกันข้ามกับแสงแดด คือ เป็นฝ่ายมืด ซึ่งตรงข้ามกับฝ่ายสว่าง เป็นฝ่ายเย็นหรือที่ภาษาจีนเรียกว่า "หยิน" ซึ่งตรงข้ามกับฝ่ายร้อนคือ "หยาง"

ดังนั้น..พลังงานจึงหักล้างกัน แม้ว่าจะได้รับส่วนกุศลไปจนมีอานุภาพคล้ายคลึงกับเทวดาแล้วก็ตาม ก็ยังต้องทนกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้อยู่ดี เพราะว่าตนเองยังอยู่ในฝ่ายเย็น เมื่อโดนกระแสร้อนของแสงอาทิตย์ ก็ต้องใช้พลังงานไปต่อต้านเป็นอย่างมาก จึงทำให้กำลังหมดลงได้
กระผม/อาตมภาพจึงต้องปิดประตูหน้าต่างก่อน ๗ โมงเช้า

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ตั้งแต่มาอยู่ที่กุฏิริมป่าช้าของวัดอุทยานนี้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องคุยกับ "เจ้าของที่" ก่อน เนื่องเพราะว่าลูกหลานนำเอากระดูกบรรพบุรุษจำนวนมากมาบรรจุเอาไว้ในกุฏิแห่งนี้ จนกระทั่งในสายตาของบุคคลในวัด กุฏิหลังนี้เป็น "กุฏิผีดุ" ไม่มีใครกล้ามาอยู่อาศัย

กระผม/อาตมภาพเองมาอยู่ใหม่ ๆ ตอนนั้นก็ยังไม่ทันเฉลียวใจ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเปิดรับ ปรากฏว่าในสายตาบุคคลทั่วไป จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพเปิดประตูเล่น เพราะว่าไม่เห็นผู้ที่มาเคาะประตู จนกระทั่ง "ไอ้ตัวเล็ก" มาส่งเงิน แล้วเจอเหตุการณ์เคาะประตูแบบเดียวกัน กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ต้องเปิด เขาเดินทะลุเข้ามาเองได้" อีกฝ่ายจึงทำหน้า "ปูเลี่ยน ๆ" เพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของที่จะ "โหด" ได้ใจขนาดนี้ แม้กระทั่งลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เมื่อมาเจอเข้าก็ยังเผลอไปเปิดประตูรับ พอไม่เห็นใครก็ออกอาการ "เหวอ" เพราะว่าเสียงเคาะดังชัดเจนมาก ๆ..!

ตรงนี้พวกเราต้องเข้าใจว่า บรรดาผีทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่เราเรียกกันไปเอง อะไรก็ตามก็อกแก็กเข้ามาแล้วมองไม่เห็น เราก็เหมาว่าเป็นผีไปหมด ตั้งแต่พระบนพระนิพพาน พรหม เทวดา นางฟ้า สัมภเวสี เปรต อสุรกาย จนกระทั่งสัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์ ในเมื่อสำแดงตนออกมาไม่ชัดเจน มีแต่เสียงบ้าง มีแต่กลิ่นบ้าง ก็เลยทำให้พวกเราเรียกว่าผีกันไปหมด เหมารวมตั้งแต่สูงสุดไปจนต่ำสุด

ถ้าเป็นบุคคลที่อยู่ในระดับสูงแล้ว อย่างที่กระผม/อาตมภาพโดนที่วัดท่าซุง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ เที่ยง ๆ ก็ปรากฏตัวหน้าตาเฉย เพราะว่ากำลังของท่านสูงพอ เรียกว่าเย็นพอจนกระทั่งไม่กลัวความร้อนจากแสงแดด และไม่กลัวไฟฟ้าจะก่อให้เกิดผลกระทบ

ส่วนผู้ที่กำลังน้อย ไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ โดยเฉพาะกำลังไฟฟ้าที่เราเปิดให้แสงสว่างนั้น เราอาจจะเห็นว่าแสงนิ่ง ๆ อยู่ แต่ความจริงแล้วกะพริบด้วยความถี่สูงถึงขนาด ๕๐ ครั้งต่อวินาที แรงกะพริบนั่นแหละที่จะไปก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ท่านที่กำลังน้อย


เพราะว่าเวลาที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะมาพบพวกเรา ก็ต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดที่เขามี แล้วพยายามดึงเอาธาตุ ๔ รอบตัวมาสร้างร่างหยาบให้เราเห็น กระแสไฟฟ้าที่กระพริบด้วยความถี่ ๕๐ ครั้งต่อวินาทีนั้น จะเป็นลักษณะของคลื่นที่กระแทกเป็นจังหวะ ๆ เร็วมาก ทำให้ผู้ที่กำลังน้อยไม่สามารถที่จะดึงเอาธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม รอบข้างเข้ามารวมตัวกันให้เห็นได้ โดนกระแทกกระจายหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2022 เมื่อ 01:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา