วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพมีงานด่วน คือต้องเดินทางไปร่วมพิธีรดน้ำศพคุณแม่ดำ ฉ่ำเม้า โยมมารดาของพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ด้วยกัน ที่ศาลาปฏิบัติธรรมวัดหนองโพ ถนนเพชรเกษม หมู่ที่ ๙ ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
งานนี้ต้องบอกว่าเป็นงานที่ขาดไม่ได้ เนื่องเพราะว่าเป็นโยมแม่ของเพื่อนร่วมรุ่น และโดยเฉพาะจะว่าไปแล้ว คุณแม่ดำ ฉ่ำเม้า ท่านเป็นบุคคลที่มีบุญมาก เนื่องเพราะว่าเสียชีวิตด้วยการนอนหลับไป และอายุก็ยืนนานถึง ๘๓ ปี
กระผม/อาตมภาพเองนั้น มีประสบการณ์ที่ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตในลักษณะคล้ายคลึงแบบนี้หลายรายด้วยกัน เริ่มตั้งแต่อายุเพิ่งจะ ๓ - ๔ ขวบ โยมตาก็ได้เสียชีวิตไป โดยที่ก่อนจะเสียชีวิต โยมตาก็เรียกบรรดาหลาน ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพมารายล้อมอยู่รอบเก้าอี้นอนของท่าน แล้วก็บอกว่า "ถ้าวันไหนตาเสียชีวิตไป พวกเจ้าก็ไม่ต้องเสียใจนะ เพราะว่าคนแก่ก็เหมือนกับผลไม้สุกงอม รอเวลาหล่นจากขั้วเท่านั้น" หลังจากนั้นโยมตาก็ขอกินข้าวเย็น เมื่อเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของร้านตีเหล็กนำข้าวมาให้ คุณตากินข้าวเย็นเสร็จก็เอนตัวนอนบนเก้าอี้ตัวตัวโปรดของท่าน แล้วก็หลับยาวไป ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย..!
ถัดจากนั้นมาก็เป็นโยมพ่อ ที่กระผม/อาตมภาพดูแลท่านอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นเวลาถึง ๖ ปีด้วยกัน จนกระทั่งสามารถฝึกวิชาหลับอยู่หูก็ต้องได้ยิน เผื่อเวลาที่โยมพ่อเรียก จะได้ลุกขึ้นมาช่วยเหลือท่านได้ทันท่วงที โยมพ่อเอง ตอนช่วงเย็นของวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นเดินกระฉับกระเฉง จนกระทั่งพี่หงส์ ซึ่งเป็นพี่สะใภ้คนรองดีอกดีใจว่า "เตี่ยน่าจะหายดีแล้ว..!"
แต่ว่าโยมแม่นั้นมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก บอกให้พี่ชายรีบไปโทรเลขเรียกบรรดาญาติพี่น้องทั้งหมดมาโดยด่วน อาการแบบนี้โบราณเรียกว่า "ไฟวาบสุดท้ายของชีวิต" ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยจะมีสติขึ้นมาสั่งการหรือว่าสั่งเสียลูกหลานในเรื่องต่าง ๆ เป็นครั้งสุดท้าย โดยที่โยมพ่อนั้นลุกขึ้นกระฉับกระเฉง สามารถที่จะอาบน้ำได้ กินยาได้
แต่หลังจากนั้น เมื่อเอนตัวนอนลงไป ก็อยู่ในลักษณะเหมือนกับหลับลึก แม้ว่าบรรดาลูกหลานจะเรียกก็ส่งเสียง "อือ ๆ" ได้เท่านั้น แล้วท่านก็หลับยาวตั้งแต่ช่วงใกล้ค่ำของวันที่ ๑๑ จนกระทั่งไปหมดลมหายใจบ่ายโมงวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2022 เมื่อ 02:45
|