คนที่ต้องการเอาดีเขาไม่กลัวความลำบาก ไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น จำไว้ว่าข้ออ้างทุกรูปแบบเป็นข้ออ้างของกิเลสทั้งนั้น ถ้าตราบใดที่เรายังมีข้ออ้างสำหรับตัวเองอยู่ ก็แปลว่ากิเลสยังมีอำนาจเหนือกว่าเราอยู่มาก
ดังนั้น..พวกเราลองพิจารณาดูว่า ๑ พรรษาที่ผ่านมากำไรหรือขาดทุน ? เพราะว่ายิ่งในเรื่องของการบวชพระบวชเณร ทันทีที่ประกอบพิธีเสร็จ อานิสงส์ในการบวชเราได้เต็มแล้ว แต่คราวนี้อยู่ต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติของเรา ทำดีก็บวกเข้าไป ทำไม่ดีก็ลบออก แบบนั้นอยู่ไปนาน ๆ ก็ขาดทุนย่อยยับ
เนื่องเพราะว่าญาติโยมแต่ละท่านที่สงเคราะห์เราด้วยปัจจัย ๔ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ส่วนใหญ่แล้วเขาก็ตั้งความปรารถนาของเขาเอาไว้ ว่าทำบุญครั้งนี้เขาต้องการอะไร แล้วเราลองมานึกดูว่า ถ้าสมมติโยมต้องการเงินจากเราหนึ่งล้านบาท แต่เรามีให้เขาแค่แสนเดียว เราก็ขาดทุนไปเก้าแสน..! ยิ่งอยู่ก็ยิ่งขาดทุนหนักเข้าไปทุกวัน
สมัยที่อยู่วัดท่าซุง มีรุ่นพี่อยู่ท่านหนึ่ง กระผม/อาตมภาพเรียก "หลวงน้า" ก็คือพระมีชัย สุนฺทโร ส่วนใหญ่เขาเรียก "หลวงน้ามีชัย" นอกจากสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญพระกรรมฐานตามปกติแล้ว ด้วยความที่พักอยู่อาคารหลังเดียวกัน แม้ว่าจะคนละห้องก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติของท่านว่า หลังจากที่ทำวัตรเสร็จแล้ว ท่านกลับถึงกุฏิ ท่านจะสวดมนต์ต่ออีกเป็นชั่วโมง ๆ โดยเฉพาะบรรดาบทสวดยาว ๆ อย่างอาทิตตปริยายสูตร อนัตตลักขณสูตร ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร มหาสมยสูตร ฯลฯ
มีอยู่วันหนึ่งกระผม/อาตมภาพมีโอกาสถามว่า "หลวงน้า..ขยันสวดมนต์ขนาดนี้ มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจหรือเปล่า ?" หลวงน้าท่านบอกว่า "ท่านเล็ก..เราบิณฑบาตทุกวัน โยมกอบโกยจากเราไปทุกวัน ถ้าเรามีไม่พอให้โยมเขา เราอยู่ไปก็ขาดทุน ผมไม่อยากขาดทุน ผมก็ต้องขยัน"
แล้วมาถึงนึกท่านเจ้าคุณอาจารย์โสภา พระราชปริยัติโมลี (โสภา เขมสรโณ ป.ธ.๙) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระงามพระอารามหลวง อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านมรณภาพไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง ท่านสอนบาลีในช่วงที่กระผม/อาตมภาพเรียนปริญญาตรีอยู่
เจ้าคุณอาจารย์ท่านมีปฏิปทาก็คือว่า ไม่ว่าจะกลับจากข้างนอกมาดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม ท่านต้องสวดมนต์ทำวัตรก่อนถึงจะเข้านอน ท่านบอกกับกระผม/อาตมภาพว่า "สมัยนี้จะเอาบรรลุมรรคบรรลุผลเหมือนอย่างสมัยพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของง่าย แต่ผมจะทำตัวให้เป็นพระของพระพุทธเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้" นั่นเจ้าคุณชั้นราช เจ้าอาวาสพระอารามหลวง เปรียญธรรม ๙ ประโยค รองเจ้าคณะจังหวัด มีวัตรปฏิบัติอย่างนั้น แล้วพวกเราเองมีอะไรเทียบท่านได้สักอย่างไหม ?
เรื่องพวกนี้จึงอยู่ที่สามัญสำนึกของพวกท่านเอง ถ้าตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็คือ อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนด้วยตนเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2022 เมื่อ 02:03
|