วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพตื่นขึ้นมาด้วยความหนาวเหน็บเป็นพิเศษ เพราะว่าอากาศที่นี่แค่ ๘ องศาเซลเซียสเท่านั้น แล้วระบบไฟฟ้าอุ่นเตียงอะไรก็ใช้ไม่ได้เลย แม้กระทั่งน้ำร้อนที่จะอาบ ถ้าหากว่าเปิดเมื่อไร ไฟฟ้าก็จะดับไปด้วย จึงได้แต่ล้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น แล้วออกไปเดินดูฟ้าดูดินทางด้านนอกตั้งแต่ยังไม่ทันจะสว่างดี ปรากฏว่าพี่น้องมุสลิมได้ทำการละหมาดเช้าอยู่แล้ว กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะได้พบเสียงสวดมนต์ที่ไพเราะเป็นอย่างยิ่งของพี่น้องมุสลิมก็ที่นี่เอง
เมื่อทุกคนตื่นแล้วก็ออกมารอเวลาว่าเมื่อไรอาหารถึงจะมา ปรากฏว่าคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ผู้ก่อตั้งบริษัทเอ็นซีทัวร์ ได้นำมาขนมจีบซาลาเปามาแบ่งให้ก่อน หลังจากนั้นทางเจ้าของเรือถึงได้นำอาหารมาให้ ซึ่งประกอบไปด้วยข้าวต้ม ที่ไม่รู้ว่าจะให้ฉันกับอะไร ? ขนมปังปิ้งก็มีแต่เนยอย่างเดียว แล้วก็มีไข่เจียวกับกล้วยหอม ทางด้านเจ้าของเรือถามว่า "ต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ?" เมื่อถามว่า "คุณมีอะไรบ้าง ?" เขากลับตอบว่า "ไม่มี" พวกเราก็ยังงงว่าตกลงคุณถามเพื่ออะไรกันวะ ? จึงก้มหน้าก้มตาฉันอาหารไปตามมีตามเกิดอย่างนั้น
เมื่ออิ่มเรียบร้อยแล้ว พวกเราในลำนี้ที่ประกอบด้วย กระผม/อาตมภาพ ดร.พระครูโรจน์ น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ก็ยกกระเป๋าออกมาวางรออยู่ที่ห้องโถงรับแขก ปรากฏว่ารอแล้วรอเล่า เรือที่จะมารับก็ไม่มา จนกระทั่งเรือลำอื่นมารับคนอื่น ๆ ไปกันจนหมดแล้ว พวกเราทนรอไม่ไหว จึงยกกระเป๋าออกมาตั้งทางด้านนอก ทางเจ้าของเรือเมื่อเห็นเรายกกระเป๋าออกมาตั้งทางด้านนอกแล้ว จึงได้โทรศัพท์เรียกให้เรือที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งมารับ ถ้าหากรู้ว่าต้องรอให้เรายกกระเป๋าออกมาแล้วถึงจะโทรศัพท์เรียกเรือให้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้พวกเราก็คงไปได้ครึ่งประเทศแล้ว..!
เมื่อเขายกกระเป๋าขึ้นเรือให้ ยังมีการเรียกทิปอีก กระผม/อาตมภาพไม่มีแบงค์ย่อย จึงต้องให้ไปคนละ ๒๐๐ รูปี ตกลงว่าตัวเองยกฟรีเพราะเป็นหน้าที่ของเขา ในเมื่อเขาแค่ยกลงเรือให้เท่านั้น แต่ว่ารับค่าแรงไปเสียมากมายทีเดียว
เจ้าของเรือพายเรือพาพวกเราค่อย ๆ ลัดเลาะไปตามเรือพักต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งร้านค้าลอยน้ำ มีเรือขายสินค้าเข้ามาทักทายและจำหน่ายสินค้าเป็นระยะ แต่ว่าพวกเราก็ปฏิเสธไป เพราะไม่ใช่ของที่ต้องการ ตามที่สังเกตดูก็คือบรรดาบ้านเรือนต่าง ๆ นั้น เขาอยู่กันเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาก็เปิดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ หลายร้านก็มีการควบคุมจากทางรัฐบาลด้วย
มีเรือท่องเที่ยวจำนวนมากที่พายสวนกับเราไป แม้ว่าเป็นคนแปลกหน้าแต่ว่าพูดภาษาไทยทุกลำ จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเราออกมาช้ากว่าคนอื่นเขา ถ้าขืนไปจนสุดทาง มีหวังคนอื่นรอกันแย่ จึงบอกให้คนแจวเรือทำการกลับเรือ ตรงมายังฝั่งซึ่งพวกเรามารอกันอยู่ที่นี่แล้วทุกคน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2023 เมื่อ 03:46
|