พระอาจารย์กล่าวว่า “ก็ไม่นึกว่าท่านอาจารย์สุชาติจะปั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยการวัดหน้าตัก ไม่วัดฐาน วัดหน้าตัก ๔๐ นิ้วเต็ม แต่ว่าฐานใหญ่กว่าตั้งเยอะ เฉพาะฐานต้องเพิ่มไปอีก ๓๐๐ กิโลกรัม สรุปว่าช่างประมาณการใช้เม็ดเงินในการหล่อ ๑ ตันถ้วน ๆ รวยมาก ไม่รวยก็ไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้กิโลกรัมหนึ่งเกือบ ๓๐,๐๐๐ บาท ตันหนึ่งก็เกือบ ๓๐ ล้าน..!
ตอนนี้มีอยู่ ๗๗๐ กว่ากิโลกรัม ก็ขาดอยู่อีกประมาณ ๒๓๐ กิโลกรัมเท่านั้น ก็แปลว่าคนแลกพระกริ่งมี ๒๓๐ คนก็พอแล้ว แต่ถ้าเขาให้เป็นเงินก็ต้องไปซื้อเอง ...(หัวเราะ)...
ต้องบอกว่าท่านอาจารย์สุชาติท่านมีทิพจักขุญาณเลยก็ว่าได้ เพราะว่าทางวัดท่าขนุนจะทำอะไร แค่คิดท่านอาจารย์จะปั้นรูปรอไว้เลย แต่ท่านยืนยันว่าท่านไม่มีอะไร ท่านบอกว่าสังหรณ์ใจว่าพระอาจารย์อยากได้ก็ปั้น ตัวสังหรณ์ใจนั่นแหละคือทิพจักขุญาณเลย ...(หัวเราะ)...
แต่คราวนี้มีปฏิมากรช่างปั้นชื่อสุชาติเหมือนกัน อีกท่านหนึ่งชื่อสุชาติ แซ่จิว ส่วนท่านที่ทำงานให้วัดท่าขนุนชื่ออาจารย์สุชาติ เลิศภูมิปัญญา เป็นอาจารย์ของคุณปัทม์ บุณยรังค ที่ปั้นรูปกวนเกษียรสมุทรในสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นอาจารย์ของอาจารย์อีกทีหนึ่ง ของคุณสุชาติ แซ่จิวนี่คนแวะไปถามหาเยอะเลย เพราะได้ยินว่าพระอาจารย์เล็กใช้อาจารย์สุชาติปั้น ดีเหมือนกันท่านจะได้มีงานบ้าง ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2020 เมื่อ 17:47
|