ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 25-01-2022, 20:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,656 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยก่อนนั้นคำพูดของพระราชาคือกฎหมาย ก็แปลว่าพระองค์ท่านอภัยโทษให้กับผู้ร้ายสำคัญที่ขนาดฆ่าคนมาเป็นพัน ถ้าเข้ามาบวชปฏิบัติธรรม อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยได้ ท่านก็ให้อภัยพร้อมที่จะทะนุบำรุงด้วยปัจจัยสี่

ตรงนี้เราต้องเข้าใจว่า ผู้ร้ายที่ทำความผิดหลบหนีคดีอาญา ส.ต.ต.นรวิชญ์ ไม่ได้หลบหนีคดี ข่าวคราวไปทั่วประเทศไทย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ทุกรูปต้องรู้ว่าบุคคลนี้ขับรถผิดกฎจราจร ชนหมอกระต่ายจนถึงแก่ความตาย ในเมื่อไม่ได้หลบหนีคดีอาญา จะจัดอยู่ในประเด็นข้อที่ ๑ ไม่ได้

ข้อที่ ๓ เป็นคนต้องหาในคดีอาญา ตรงนี้มีความชัดเจน ว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก เป็นคนต้องหาในคดีอาญา เพียงแต่ว่าคนต้องหาในคดีอาญานี้ศาลยังไม่ได้ตัดสินความผิด ยังไม่ใช่ผู้ร้าย เป็นผู้ต้องหา แม้กระทั่งทางผู้บังคับบัญชายังให้ปล่อยตัวโดยไม่มีประกัน เพราะเชื่อในเกียรติของความเป็นตำรวจว่าจะไม่หลบหนีคดีนี้

ประการที่สำคัญคือ ไปบวชเพราะสำนึกผิด รู้ว่าตนเองทำผิด ตั้งใจที่จะอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายในลักษณะขออโหสิกรรม ซึ่งในลักษณะนี้ต้องเป็นหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์พิจารณาดูว่า สมควรที่จะให้การบรรพชาอุปสมบทหรือไม่ ?

คำว่า อุปัชฌาย์นั้น ความหมายหนึ่งแปลว่า ผู้เพ่งดู ก็คือดูว่าบุคคลนี้สมควรที่จะบรรพชาอุปสมบทหรือไม่ ? ดูว่าสังฆกรรมในการบรรพชาอุปสมบทนั้นถูกต้องหรือไม่ ? ก็คือจะต้อง
ไม่เป็นปริสวิบัติ ไม่เป็นกรรมวาจาวิบัติไม่เป็นอักขรวิบัติ เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-01-2022 เมื่อ 16:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา