อย่างท่านอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ถึงเวลาของขึ้น อยากแสดงฤทธิ์ ก็เดินขึ้นต้นมะพร้าวหน้าตาเฉย เดินเหมือนกับมีบันไดขึ้นไป นั่นก็คือปฐวีกสิณธรรมดา ๆ เพียงแต่ว่าคนที่ไม่รู้ก็จะรู้สึกว่ามหัศจรรย์ ของท่านอาจารย์แปลกนี่ถึงขนาดเข้าไปในวังของเสด็จในกรมหลวงชุมพร ไปแอบกินเครื่องเสวย เพราะอยากรู้ว่าเสด็จในกรมฯ ท่านเก่งแค่ไหน ต้องบอกว่าถ้าไม่ตีกันก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน นั่นก็แค่ใช้นีลกสิณกำบังตัวเองเข้าไป พอเฉลยขึ้นมาก็แทบจะไม่มีอะไรเลย แต่พอพวกเราไปเห็นเข้าก็คิดว่าเป็นอัศจรรย์
ถ้าอยากฟังเรื่องพวกนี้ โน่นเลย..ไปอ่านวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน โดยเฉพาะตอนที่ขุนแผนกับพลายงามลองฤทธิ์กันหน้าพระที่นั่งของสมเด็จพระพันวษา แล้วก็การทดสอบพวกนักโทษ ๓๕ คนที่ติดคุกอยู่ พวกเราอาจจะสงสัยว่าทำไมเก่งขนาดนั้นแล้วยังติดคุก ครูบาอาจารย์ท่านทราบดีว่าไอ้พวกตัวแสบมีเยอะ ก็เลยต้องกำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ว่า "ห้ามหนีอาญาแผ่นดิน" ถ้าทำผิดต้องยอมรับโทษ ขุนแผนตอนกลางวันนอนในคุก กลางคืนก็นอนบ้าน ใครจะไปขังพ่อเจ้าประคุณได้ ?
แบบเดียวกับที่ท่านอาจารย์ฟ้อนเดินเข้าคุก ตำรวจลั่นกุญแจปั๊บ แกก็บอก "หมู่..กุญแจไม่ได้ล็อค" หันกลับมา อ้าว..ไม่ได้ล็อคจริง ๆ ก็ล็อคกลับเข้าไป แกบอก "หมู่..กุญแจไม่ได้ล็อค" หันกลับมาหลุดอีกแล้ว ท้ายสุดตำรวจต้องยกมือไหว้นักโทษ "ท่านอาจารย์..ขอเถอะครับ เดี๋ยวผมจะได้ติดคุกแทน..!" แกถึงได้เลิกเล่น
ในช่วงนี้เอาพวกมีด พวกดาบ พวกอะไรไปให้ไอ้ตัวเล็กไปลงกระทู้ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าโบราณเขามีการวัดชะตามีด ชะตาปืน ชะตาดาบอะไรพวกนั้นอยู่ เป็นวิธีการที่เขาดูว่า อาวุธชิ้นนั้นเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่เจ้าของ
อย่าลืมว่าโบราณของเรา คำว่า ปืน ไม่ใช่อาวุธปืนอย่างปัจจุบัน ปืนของโบราณอยู่ในลักษณะคล้าย ๆ กับหน้าไม้ "ปืน ผา หน้าไม้" ถ้า "ผา" ก็คือหนังสติ๊กรูปปืนนั่นแหละ เพราะว่าใช้ยางดีดลูกออกไป แต่ก็อยู่ในลักษณะรางยาว ๆ คล้าย ๆ กับปืนสมัยนี้ ตอนหลังพวกเราใช้คำว่าปืนกับอาวุธเพลิง อย่างพวกปืนคาบศิลา ปืนแก๊ป ไล่ขึ้นมาจนถึงปืนในปัจจุบันนี้ ก็เลยลืมไปว่า ปืนของคนโบราณนั้นไม่ใช่ปืนของคนในปัจจุบัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-03-2023 เมื่อ 03:07
|