ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 02-06-2021, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,448
ได้รับอนุโมทนา 4,406,279 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าพวกเราจะทำก็ต้องทุ่มเท ในขณะเดียวกันก็ต้องดูกำลังตัวเองด้วย ถ้ากำลังของเราไม่เพียงพอ จะไปทุ่มเททั้งวันทั้งคืนก็ไม่ไหว ทำอย่างไรที่จะให้เราภาวนาจนกำลังใจทรงตัว ถ้าถามว่ากำลังใจทรงตัวคือระดับไหน ? คือระดับที่รู้ลมหายใจและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ ถ้าทำถึงตรงจุดนี้ได้ ทุกอย่างจะง่าย ก็คือตั้งสติประคองอารมณ์เอาไว้ อย่าให้หลุดไปจากตรงนี้ รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดไม่ได้ชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อย ๆ ใช้ปัญญาไปพินิจพิจารณาตัดละไปทีละส่วน

ดังนั้น...ในส่วนของการปฏิบัติธรรมนั้น การสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นแหล่งก่อให้เกิดกิเลส ต้องรู้จักประมาณในการกิน เพราะถ้าอิ่มเกินก็เอาแต่นอน ต้องปฏิบัติธรรมให้สติตื่นอยู่เสมอ พูดง่าย ๆ ว่าจะหลับหรือตื่นต้องมีสติเท่ากัน ไม่อย่างนั้นแล้วกิเลสที่กินเราไม่ได้ เพราะตอนกลางวันเราตั้งสติระมัดระวัง ก็จะไปกินเราตอนกลางคืนที่เผลอสติหลับไป

บางคนทั้งวันพยายามระมัดระวังรักษาศีลทุกสิกขาบท แม้แต่มดตัวหนึ่งก็ไม่กล้าเหยียบ เผลอหลับตอนกลางคืนหน่อยเดียว ฝันว่าฆ่าเขาเป็นกองทัพเลย..! นั่นคือลักษณะของกิเลสที่ไปกำเริบตอนเราหลับ บางคนกลางวันสำรวมหูสำรวมตาอย่างมาก เพศตรงข้ามไม่กล้าพูดด้วยแม้แต่คำเดียว กลางคืนฝันว่าปล้ำลูกสาวชาวบ้านไปแล้ว..! นั่นคือลักษณะของกิเลสที่กินเราตอนหลับ ดังนั้น..ถ้าเราสามารถภาวนาจนกระทั่งสติรู้อยู่ตลอดเวลา จะหลับหรือตื่นก็รู้เท่ากัน ถ้าอย่างนั้นเราถึงจะมีโอกาสชนะกิเลสได้

หลักการที่กล่าวถึงในวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นหลักปฏิบัติที่ทั้งพระภิกษุสามเณร แม่ชี หรือฆราวาสต้องใช้งานทุกคน ไม่ใช่เฉพาะท่านทั้งหลายที่เป็นนักบวช แต่ว่านักปฏิบัติธรรมทุกคนก็ต้องอยู่ในแนวนี้ ถ้าหลุดพ้นไปจากนี้ โอกาสที่ก้าวหน้าก็จะมีน้อย จึงขอเรียนถวายทุกท่านและเจริญพรให้แก่ญาติโยมที่ฟังอยู่ได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2021 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา