ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 01-06-2021, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,451
ได้รับอนุโมทนา 4,406,244 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่เป็นพระเป็นเณร สิ่งที่รบกวนเราอย่างมากประการหนึ่งก็คือเพศตรงข้าม แค่เราเห็นเป็นผู้หญิงผู้ชายก็แย่แล้วครับ เพราะว่าใจปรุงแต่งไปแล้ว ทำอย่างไรที่เราจะสักเห็นว่าเป็นรูป สักแต่เห็นว่าเป็นธาตุ ไม่มีอะไรเป็นหญิงเป็นชาย

ก็แปลว่า สติเราต้องรู้เท่าทันว่าถ้าคิดแล้วจะเกิดโทษอย่างไร สมาธิต้องมีกำลังเพียงพอที่จะหยุดยั้งการคิดนั้นได้ ปัญญาต้องรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังจะคิดในสิ่งที่ไม่ดี ถ้าหักห้ามไม่ได้ ก็เปลี่ยนมาคิดในสิ่งที่ดีแทน อย่างเช่นว่าคิดถึงคุณพระพุทธ คิดถึงคุณพระธรรม คิดถึงคุณพระสงฆ์ เป็นต้น

หลังจากนั้น พระองค์ท่านยังสอนเราให้รู้จักประมาณในการกิน กินมาก กินอิ่ม กินล้น กินเกิน มีแต่โทษทั้งนั้น แม้กระทั่งวิทยาการสมัยใหม่เขาก็ยังค้นพบว่า ร่างกายของเราจะมีสุขภาพดี ถ้าปล่อยให้หิวเสียบ้าง จึงมีข้อแนะนำว่าอย่ากินให้อิ่ม

ถ้าเป็นการปฏิบัติแบบสายวัดป่าก็คือ พอรู้สึกว่าอิ่มก็หยุด แต่คราวนี้ การที่เราจะรู้สึกว่าอิ่ม อาหารต้องลงไปอยู่ในท้องประมาณ ๑๕ นาที แล้วท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ๑๕ นาที ถ้าเป็นพระวัดท่าขนุนน่าจะฉันอิ่มไปสองรอบแล้ว..! ดังนั้น..ของพวกเราถ้ารู้สึกอิ่ม มักจะจุกไปแล้ว ต้องระวังให้ดีครับ กะปริมาณที่พอเหมาะพอดีกับตัวเอง

อีกข้อหนึ่ง พระองค์ท่านตรัสว่า ต้องปฏิบัติธรรมของผู้ตื่นอยู่ ก็คือมีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่า ตอนนี้เราต้องรักษาศีล เราต้องเจริญภาวนา เราต้องพินิจพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงของร่างกายนี้ ของโลกนี้ นักปฏิบัติที่แท้จริง จะไม่เห็นแก่กินแก่นอน ช่วงที่ผมปฏิบัติหนัก ๆ อย่างเก่งคืนหนึ่งก็นอนแค่ ๒ ชั่วโมง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-06-2021 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา