ดูแบบคำตอบเดียว
  #8  
เก่า 07-03-2023, 19:38
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..หลักการทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าในการที่สั่งสอนให้พวกเรา..ละเว้นจากความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส ไม่เข่นฆ่าคนอื่น ไม่เบียดเบียนคนอื่น ตั้งเป้าเอาไว้ว่า..เราทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ด้วยวิธีการที่..ไม่ว่าร้ายใคร ไม่ทำร้ายใคร ระมัดระวังในศีลทุกสิกขาบทของตนเองให้ดี รู้จักกินแต่พอประมาณ รู้จักสรรหาที่สงบระงับเพื่อที่จะระมัดระวัง กาย วาจา ใจของเราให้มั่นคง จนกระทั่งสามารถทรงฌานทรงสมาบัติ กดกิเลสลงได้ชั่วคราว แล้วใช้ปัญญาของเราพินิจพิจารณา ค่อย ๆ ลด ค่อย ๆ ละ จนกระทั่งในที่สุดก็สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เข้าสู่พระนิพพานได้


ดังนั้น..ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ คือ "วันเพ็ญเดือนมาฆะ" นั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศหลักการเพื่อชาวโลกทั้งหมด ก็คือ "โอวาทปาฏิโมกข์" สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ผ่านมา ๒,๕๖๖ ปีแล้ว ญาติโยมทั้งหลายยังคงประพฤติปฏิบัติตาม คือ ท่านทั้งหลายเมื่อมาวัดก็มีการทำบุญใส่บาตร ตรงนี้เป็นส่วนของการให้ทาน มีการสมาทานศีล นี่คือการประพฤติปฏิบัติในศีล ตั้งใจฟังธรรมด้วยความเคารพ นี่คือการเพียรพยายามใช้ปัญญาพินิจพิจารณาว่าข้อธรรมคำสอนนั้นมีส่วนใดที่เหมาะสมกับตนเองบ้าง เราจะได้นำไปประพฤติปฏิบัติเพื่อให้เกิดความดีความงามแก่ตนยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่มาร่วมกันทำบุญที่วัดท่าขนุนวันนี้ จึงเป็นผู้ปฏิบัติอยู่ในไตรสิกขาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คืออยู่ในศีล อยู่ในสมาธิ อยู่ในปัญญา ซึ่งถ้าขยายออกก็จะเป็นมรรค ๘ เป็นหนทางที่เราจะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 07-03-2023 เมื่อ 19:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา