ดูแบบคำตอบเดียว
  #11  
เก่า 03-10-2021, 15:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,549
ได้ให้อนุโมทนา: 151,614
ได้รับอนุโมทนา 4,407,242 ครั้ง ใน 34,139 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอให้เข้าใจว่า นั่นเป็นเพียงอาการของสมาธิที่เกิดขึ้น ถ้าท่านจะใช้ประโยชน์ให้ได้จริง ๆ ในลักษณะของเจโตวิมุตติ ก็คือการหลุดพ้นด้วยกำลังใจข่มกิเลสไว้นั้น ท่านจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน ทั้งหลับ ทั้งตื่น

ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม จะยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ ต้องรักษาอารมณ์ไว้ไม่ให้เคลื่อน ไม่ให้คลายไปไหน ถ้ารักษาได้ยาวนานพอ สามารถที่กดกิเลสต่าง ๆ ให้ตายลงไปได้เช่นกัน เรียกว่า บรรลุโดยเจโตวิมุตติ คือการบรรลุโดยใช้กำลังสมาธิภาวนา

แต่ถ้าหากว่าเป็นสายวิปัสสนา ท่านทั้งหลายก็ต้องคลายกำลังใจออกมา แบบที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้กำหนดว่า "รู้หนอ...รู้หนอ...รู้หนอ" จนกำลังใจคลายลงมาในระดับอุปจารสมาธิ แล้วเราค่อยยกข้อธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาพิจารณา เพื่อที่จะได้รู้จริง เห็นจริงตามที่พระองค์ท่านตรัสไว้

การพิจารณานั้น ไม่ว่าท่านจะพิจารณาตามหลักอริยสัจ ๔ ก็ดี ไตรลักษณ์ก็ตาม หรือว่าจะไปเป็นวิปัสสนาญาณ ๙ จะไปเป็นปฏิจจสมุปบาท ไปเป็นอายตนะ หรือว่าอินทรีย์ก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับความรักความชอบ ที่ท่านทั้งหลายจะปฏิบัติให้เป็นไป

ถ้าหากว่าโดยทั่ว ๆ ไป เพื่อให้ง่ายต่อโยคีบุคคลผู้ปฏิบัติแล้ว ก็ควรจะปฏิบัติตามหลักของไตรลักษณ์ ก็คือพิจารณาให้เห็นอนิจจังว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นประกอบด้วยความไม่เที่ยงเป็นปกติ พิจารณาให้เห็นทุกขัง คือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่ประกอบไปด้วยความทุกข์ และท้ายที่สุด พิจารณาให้เห็นความเป็นอนัตตา คือไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่จะมากำหนดกฎเกณฑ์ให้เป็นตัว เป็นตน เป็นเรา เป็นเขาได้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เสื่อมสลายตายพังไปทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-10-2021 เมื่อ 20:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา