ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 09-02-2022, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,380 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับบรรดานาคทั้งหลาย เมื่อมาถึงวัดแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือต้องซ้อมขานนาคให้มีความคล่องตัว ไม่อย่างนั้นแล้วก็ต้องว่าคนเดียวในโบสถ์ ว่าไม่ได้ก็ยังไม่ต้องบวช

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการบรรพชาอุปสมบท เป็นการที่กุลบุตรนำเอาผ้ากาสาวพัสตร์เข้าไปร้องขอในท่ามกลางสงฆ์ ว่าให้สงฆ์ยกตนขึ้นเป็นอุปสัมบัน คือผู้ที่มีศีลเสมอกันด้วย ในเมื่อเราเป็นผู้ร้องขอ ก็ต้องว่าด้วยตนเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นสอนให้ ถ้าว่าไม่ได้ จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ก็เป็นอันว่ารอไปก่อน จนกว่าที่จะว่าได้คล่องตัว ซึ่งก็ไม่ต้องกังวล เพราะว่าวัดท่าขนุนมีการบวชฟรีถึงปีละ ๔ ครั้ง แล้วในแต่ละครั้งที่เข้ามา ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะผ่านการขานนาคได้ทั้งหมด

แม้กระทั่งการสอบพระอุปัชฌาย์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นผู้ที่จะควบคุมดูแล และอนุมัติให้การบรรพชาอุปสมบทนั้นสำเร็จลงหรือไม่ ก็ยังมีการสอบตกอยู่ทุกปี ดังนั้น...ถ้าหากว่าพวกเราขานนาคไม่ได้ ถือว่าสอบตก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพียงแต่ว่าส่วนหนึ่งนั้น นอกจากเราต้องว่าเองแล้ว ยังต้องเสียงดัง ฟังชัด พระทุกรูปที่อยู่ในโบสถ์ต้องได้ยินเสมอกัน เพราะว่าเราเข้าไปร้องขอต่อคณะสงฆ์ ไม่ใช่ต่อพระภิกษุสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง จึงไม่สามารถที่จะอุบอิบกระซิบกันอยู่แค่ ๒ คนได้ เสียงดัง ฟังชัด ว่าให้ถูกอักขระ พยายามให้มีความผิดพลาดให้น้อยที่สุด

โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาบาลี ไม่ใช่เรื่องที่เราเคยชิน บางคำเขียนอย่างหนึ่งก็ออกเสียงอีกอย่างหนึ่ง บางเสียงก็เป็นสระควบกล้ำ ทำให้ออกเสียงยาก อย่างเช่น เอยยะ แต่ต้องออกเสียง ไอยะ เป็นต้น อย่างเช่นว่า ละเภยยาหัง ภันเต ออกเสียง เอย กับ ไอย อย่างละครึ่ง เวเนยยะ ก็เป็นเสียง เอยยะ เหมือนกัน แต่ว่าต้องออกเสียง ไอย ครึ่งหนึ่ง

เรื่องพวกนี้เราค่อย ๆ ศึกษาไป เพราะว่าการบวชพระจะสมบูรณ์พร้อมก็ต้องประกอบไปด้วย

อันดับแรกคือ วัตถุสมบัติ ตัวตนของเราต้องเกิดเป็นมนุษย์ เป็นบุรุษ มีอวัยวะครบ ๓๒ อายุได้อย่างน้อย ๒๐ ปี ไม่เป็นผู้ที่ต้องห้ามในทางการบวชทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกอย่างเช่นว่าเป็นคนหนีคดีมาบวช ทางธรรมอย่างเช่นว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรง เป็นต้น

สีมาสมบัติ ก็คือต้องบวชในเขตสีมาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพัทธสีมา หรือว่าอุทกกุกเขปสีมาก็ตาม

ปริสสมบัติ ก็คือคณะสงฆ์ อย่างน้อยต้องเป็นปัญจวรรค คือ ๕ รูปขึ้นไปในปัจจันตชนบท เป็นทศวรรค คือ ๑๐ รูปขึ้นไปในมัชฌิมชนบท

และท้ายที่สุดคือ กรรมวาจาสมบัติ การสวดญัตติต้องเป็นไปโดยถูกอักขระฐานกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับ "คนต่างชาติ" อย่างพวกเรา

เหตุที่ใช้คำว่า "คนต่างชาติ" ก็เพราะว่าไม่ใช่ภาษาของเรา ดังนั้น...โอกาสที่จะสวดได้ถูกต้องอย่างแท้จริง จึงเป็นไปได้ยากมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า แต่ละท้องถิ่นมีการออกเสียงสำเนียงที่ไม่เหมือนกัน บางเสียงเป็นเสียงควบกล้ำ เราออกได้ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ก็ต้องเอาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

ฉะนั้น...ในเรื่องของการบรรพชาอุปสมบทจึงเป็นของหนัก เป็นไปได้ยาก พวกเราเองกว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นบุรุษ อยู่รอดมาจนอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ แล้ว เพราะว่าโอกาสที่จะตายมีอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-02-2022 เมื่อ 07:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา