ถาม : ไหนท่านว่ามีวิชาปราบไวรัส แล้วทำไมยังใส่หน้ากากอนามัยอีก ? แบบนี้แสดงว่าอวดอุตตริมนุสสธรรม สมควรที่จะโดนปรับอาบัติปาราชิก..!
ตอบ : Take it easy. ท่านพระครูด็อกเตอร์ ในเมื่อจบปริญญาเอกด้วยกัน ผมก็ขอตอบไปในแนววิชาการดังนี้ Listen up, please.
๑. ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองมีวิชาปราบไวรัส ถ้าท่านมีหลักฐานที่ไหน โปรดยกมาอ้างอิงให้ชัดเจน ถ้าจะให้ดีเข้าไปดูใน www.watthakhanun.com ห้องเก็บตกจากบ้านเติมบุญ กระทู้เก็บตกจากบ้านเติมบุญเดือนเมษายน ๒๕๖๓ ก็จะได้ข้อมูลอ้างอิงปฐมภูมิ ซึ่งเชื่อถือได้มากที่สุด
๒. การอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติปาราชิก แต่ถ้ามีในตนแล้วอวด ทรงปรับแค่อาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งสามารถแสดงคืนอาบัติได้ ดูได้จากอาทิกัมมิกวรรค พระวินัยปิฎก อย่าว่าแต่ผมไม่เคยพูดโอ้อวดว่ามีวิชาปราบไวรัสดังที่ท่านกล่าวมาเลย เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ ?
๓. การใส่หน้ากากอนามัยนั้น เป็นการปฏิบัติตามหลักธรรมข้อไม่ประมาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูได้ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก ถ้าท่านพระครูด็อกเตอร์บอกว่าไม่เคยรู้เรื่องตรงนี้ ก็ควรที่จะเอาปริญญาบัตรไปคืนให้กับทางบัณฑิตวิทยาลัยนะครับ..!
๔. ข้อนี้เป็นการถวายคำแนะนำครับ ผมมีอายุมากกว่า พรรษามากกว่า สมณศักดิ์สูงกว่า จบด็อกเตอร์ก่อนท่านหลายรุ่น ถ้าจะกราบขอขมาผมก็ยินดีรับไว้และให้อภัย แต่ถ้าไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้น กรุณาแสดงอาบัติกับเพื่อนพระภิกษุ ที่ได้ล่วงเกินผู้เป็นภันเต เพื่อที่จะได้ไม่มีโทษติดตัวไปนะครับ
ถ้ามีอะไรสงสัยข้องใจ สามารถสอบถามเป็นธัมมัสสากัจฉากันได้อีก ผมยินดีที่ได้สนทนากับผู้ที่เป็นบัณฑิตระดับสูงสุดเช่นท่านเป็นอย่างยิ่งครับ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2020 เมื่อ 08:59
|