ฉะนั้น..ในเรื่องของพระพุทธศาสนาเราต้องเรียนให้รู้จริงทั้งปริยัติและปฏิบัติ ถ้ามีด้านเดียวมักจะไปไม่รอด ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีพระราชปุจฉา ถามกรรมการมหาเถรสมาคมว่า เรียนบาลีอย่างไรจะให้เข้าถึงพระไตรปิฎกอย่างแท้จริง ?
พวกคุณควรจะทราบนะครับว่า ปัญหาแบบนี้เอากันตายไปข้างหนึ่งเลย..! เพราะว่าการเรียนบาลีในปัจจุบันของเรา เสียหายมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพราะพระองค์ท่านเห็นว่าความสามารถของผู้คนลดน้อยถอยลง จึงแยกปริยัติกับปฏิบัติออกจากกัน พอแยกออกจากกันนี่แหละครับ เสียหายใหญ่หลวงเลย แล้วทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการรวมกลับเข้าไป
การปฏิบัติช่วยสนับสนุนการเรียนปริยัติได้ดียิ่ง เพราะว่ากำลังใจที่เข้มแข็ง ทำให้ไม่ท้อถอยง่าย ๆ และขณะเดียวกัน สิ่งที่เราเรียน ยิ่งปฏิบัติได้มาก ลึกซึ้งเท่าไร จะตีความได้มากเท่านั้น ในเมื่อตีความได้มาก ตีความได้ถูกต้อง โอกาสที่ปฏิบัติแล้วจะได้ถึงมรรคถึงผลก็มีมาก
ก็แปลว่าทั้งปริยัติและปฏิบัติจะต้องไปด้วยกัน เหมือนอย่างกับเท้าสองข้างของเรา ถ้าโดนเขาล่ามติดกันอยู่ ก็ต้องผลัดกันเดิน อะไรที่ไม่แม่น ก็ปริยัตินำหน้า หาตำรามาดู อะไรที่ต้องการความก้าวหน้าของ กาย วาจา ใจ ก็ต้องเข้าสู่การปฏิบัติ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2021 เมื่อ 08:05
|