“จนกระทั่งออกจากวัดท่าซุงไปอยู่เกาะพระฤๅษี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พอไปพักอยู่ที่นั่นคืนที่สอง เจ้าที่ท่านก็มาหา ท่านบอกว่าท่านเป็นอากาสเทวดา ชาวบ้านแถวนี้เรียกท่านว่าพ่อปู่ดำ ถามท่านว่ามีหลักฐานอะไรที่ยืนยันเรื่องนี้ได้บ้าง ? ท่านบอกว่า มีศาลของท่านอยู่ที่บริเวณก่อนถึงนิคมสหกรณ์ทองผาภูมิ พวกคนงานรู้ดีทุกคน แล้วถามท่านว่า “แล้วพ่อปู่มามีธุระอะไร ?” ท่านบอกว่า ตรงนี้ยังอยู่ในเขตพื้นที่การดูแลของท่าน ช่วยตั้งศาล ๔ เสา ๖ เสา ๘ เสาอะไรก็ได้ ให้ท่านสักหลังหนึ่ง ท่านจะได้ช่วยดูแลให้
ถามท่านว่าเอาศาลแบบไหน ? ท่านก็บอกว่า เป็นศาลประมาณ ๖ เสา หลังคาเขียว ๆ ก็ถามต่อว่าเป็นศาลไม้ทรงไทย หลังคาสังกะสีเขียว ๆ ใช่ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ใช่ อาตมาก็นึกไม่ออกว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าวิ่งผ่านตรงไหนมี พ่อปู่สะกิดให้ที ท่านก็ตกลง
อาตมาก็เลยไปคุยกับหัวหน้าศูนย์จัดการต้นน้ำ ถามว่าแถวนี้มีเจ้าที่เป็นเจ้าพ่อชื่อว่าพ่อปู่ดำไหม ? ท่านก็บอกว่ามี ถามว่าศาลอยู่ที่ไหน ? ท่านบอกว่าห่างจากที่นี่ไป ๗ กิโลเมตร แสดงว่ารัศมีดูแลไกลมาก ๗ กิโลเมตรยังคุมถึง ก็เลยขอให้ช่วยพาไปดูที่ศาลหน่อยว่ามีจริงหรือเปล่า ? ปรากฏว่ามีจริง ๆ”
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 03:39
|