วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพได้ไปรับตราตั้งพระวิปัสสนาจารย์ประจำสถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีผู้ถามมาว่า อย่างพระอาจารย์ยังต้องมีตราตั้งพระวิปัสสนาจารย์ด้วยหรือ ?
ก็ขอบอกว่า ความจริงแล้วในเรื่องของการสอนธรรมนำปฏิบัติ ซึ่งบางคนก็เรียกสั้น ๆ ว่าสอนวิปัสสนานั้น ถ้าหากว่าท่านมีความสามารถที่แท้จริง ก็สามารถที่จะสอนได้ในทุกที่ เพียงแต่ว่าการมีตราตั้งจากสถาบันที่เป็นมาตรฐานนั้น ก็เปรียบเหมือนอย่างกับญาติโยมที่จะขับรถยนต์ แล้วมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ ก็เป็นที่สบายใจด้วยกันทุกฝ่ายว่า ตัวของกระผม/อาตมภาพสามารถที่จะสอนธรรมนำปฏิบัติได้ ในลักษณะที่เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นสากลแล้ว
เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เช่นกัน เพราะว่าในปัจจุบันนี้คนเราก็มักจะนิยมแค่กระดาษแผ่นเดียว ก็คือเป็นวุฒิบัตร เป็นเกียรติบัตร เป็นประกาศนียบัตร หรือว่าเป็นปริญญาบัตร เพื่อรับรองว่าท่านมีความรู้ความสามารถในด้านนั้น
โดยที่บางทีบรรดาวุฒิบัตร เกียรติบัตร ปริญญาบัตรต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น ก็อาจจะได้มาในลักษณะที่เป็นการให้โดยเห็นแก่หน้ากันก็มี เป็นการให้โดยที่ผ่านการทดสอบแบบ "คาบเส้น" ก็มี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงไม่สามารถที่จะรับรองการปฏิบัติอย่างแท้จริงของท่านได้
การปฏิบัติอย่างแท้จริงของท่านจะแสดงออกมาชัดเจนก็ต่อเมื่อ อันดับแรก ตนเองพัฒนา กาย วาจา ใจ ให้ปรากฏต่อสาธารณชนได้ในระดับไหน ? อันดับต่อไปก็คือ ท่านสามารถนำไปบอกต่อ สอนต่อให้คนอื่นทำตามได้แค่ไหน ? ถ้าหากว่าท่านมีพร้อมทั้ง ๒ ประการ ก็คือตนเองก็ปฏิบัติได้อย่างชนิดที่เรียกว่าดีงาม สามารถสอนคนอื่นปฏิบัติตามได้อีกด้วย ถ้าอย่างนั้นท่านก็จะสมกับการเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่แท้จริง
หลังจากนั้นแล้ว ในช่วงบ่ายกระผม/อาตมภาพ ในฐานะประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ก็ได้เดินทางไปยังวัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพของคุณพ่อชะโอด พันธุ์หว้า ซึ่งเป็นโยมพ่อของท่านเจ้าคุณพระมงคลวโรปการ (ชำนาญ อุตฺตมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า พระอาจารย์ชำนาญบ้าง หลวงพ่อชำนาญบ้าง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2022 เมื่อ 03:10
|