การปฏิบัติธรรมของพวกเรา ส่วนหนึ่งมักจะรอ..รอให้วัดจัดงานแล้วค่อยมา ขอบอกว่าไม่พอรับประทาน สภาพจิตของเราโดนกิเลสกินอยู่ทุกวัน จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าหากว่าเป็นบ้านก็คือ ต้องปัดกวาดเช็ดถูกันทุกวัน ไม่ใช่รอให้วัดจัดงานปฏิบัติธรรม ปีหนึ่ง ๘ - ๑๐ ครั้ง แล้วค่อยมากัน แล้วจะพอรับประทานไหม ? ปีหนึ่งมี ๓๖๕ วัน แล้ววัดจัดปฏิบัติธรรมถึง ๓๐ วันไหม ? ไม่น่าจะถึงนะ
ก็แปลว่าเวลาที่เหลือ เราปล่อยให้กิเลสกินเราอยู่ตลอดเวลา มีแต่ขาดทุนอยู่ทุกวัน ขาดทุนมาก ๆ ก็ล้มละลาย ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม อย่ารอให้วัดจัดงานแล้วค่อยปฏิบัติ แต่ต้องทำอยู่ทุกวัน
ทำด้วยเห็นประโยชน์..รู้ว่าทำแล้วเราได้อะไร
ทำเพราะเห็นโทษ..รู้ว่าถ้าไม่ทำแล้วจะเกิดอะไรบ้าง
ไม่ว่าจะพิจารณาด้านเห็นประโยชน์ หรือว่าเห็นโทษก็ตาม เราก็จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น
เพียรพยายามให้เต็มกำลังของเรา ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมายก็ไปได้ไกลกว่าคนอื่นเขา ก็แปลว่าระยะทางในการเดินทางข้ามวัฏสงสารของเรา ก็จะน้อยลงกว่าคนอื่นเขา สั้นลงกว่าคนอื่น
ทำไมหลวงปู่หลวงพ่อสมัยพุทธกาล ฟังเทศน์พระพุทธเจ้าจบเดียว บรรลุกันไปแล้ว ? ก็เพราะว่าชาติก่อน ๆ ท่านพากเพียรพยายามมาตลอด มาชาตินี้มีความพร้อม เหมือนกับบัวพ้นน้ำ กระทบแสงแดดก็บานแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2022 เมื่อ 12:32
|