จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องสังวรระวังกันเอง โดยเฉพาะญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม อย่างที่พูดไปเมื่อเช้าว่า ตี ๓ ครึ่ง ตี ๔ พระอาจารย์นำปฏิบัติธรรม อยากจะไปพระนิพพานเดี๋ยวนั้นเลย ปรากฏว่า ๖ โมงเช้าโผล่ไปตลาด ความตั้งใจหายเกลี้ยง..ขอช็อปปิ้งก่อน..! เห็นหรือยังว่ากิเลสมีอำนาจมากแค่ไหน ?
เราเคยชินกับฝ่ายต่ำมามากกว่า จึงต้องระมัดระวังและเพียรพยายามที่จะตะกายขึ้นที่สูงให้ได้ อย่างน้อย ๆ ถ้าเข้าถึงมรรคถึงผลไม่ได้ ก็ให้ทางในการเวียนว่ายตายเกิด สั้นลงมากที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ ถ้าไม่สามารถจะเป็นพระอริยเจ้าได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องทรงฌาน ทรงสมาบัติให้ได้
ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็กลายเป็นหัวขโมย ก็คือญาติโยมเขาทำบุญใส่บาตร ด้วยหวังความดีจากเรา แต่เราไม่มีความดีให้ กลายเป็นหัวขโมย กอบโกยปัจจัย ๔ จากญาติโยมมาบำรุงบำเรอตัวเอง โดยที่ไม่มีอะไรตอบแทนเลย ถ้าหากว่าเป็นตามภาษาบาลีก็คือ อิณบริโภค การกินแบบเป็นหนี้ ถ้าหนี้สินล้นพ้นตัวเมื่อไรก็ล้มละลาย..!
ขอให้พวกท่านทั้งหลายมั่นใจว่าพระธรรมวินัยนี้เปรียบเหมือนคลื่น อะไรที่เป็นของสกปรก ไม่ช้าก็เร็วจะโดนซัดขึ้นฝั่ง ไม่มีทางที่จะอยู่ในทะเลแห่งธรรมะที่แท้จริงได้
วันนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (รอบปกติ)
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2022 เมื่อ 03:08
|