การโต้หาความจริงในครั้งนั้นของท่าน เริ่มด้วยคำถามของหลวงปู่มั่นดังนี้
“...ท่านถามว่า ‘เป็นยังไงท่านมหา จิตสงบดีอยู่เหรอ ?’
เราก็บอก ‘สบายดีอยู่ สงบดีอยู่’
ท่านก็นิ่งไป สักเดี๋ยวท่านก็ถามขึ้นอีกว่า ‘เป็นยังไง..จิตสงบดีอยู่เหรอ ?’
เราก็ตอบว่า ‘สงบดีอยู่’ คือไม่ทราบว่า ท่านจะเอาแง่ไหน
พอถึงขั้นที่ท่านจะเอาแล้วก็ว่า ‘ท่านจะนอนตายอยู่นั่นเหรอ ? สมาธิมันเหมือนหมูขึ้นเขียง มันถอดถอนกิเลสตัณหาที่ตรงไหน ? สมาธิทั้งแท่งเป็นสมุทัยทั้งแท่ง ท่านรู้ไหม ? สุขในสมาธิเท่ากับเนื้อติดฟัน เนื้อติดฟันเรามันเป็นสุขที่ไหน ? ท่านรู้ไหม ? ๆ ๆ’ ท่านซัดเข้าไปอย่างหนัก ไล่ออกจากการติดสมาธิ
ทางเราก็งัดวิชาออกมาสู้ท่านว่า ‘ถ้าว่าสมาธิเป็นสมุทัยทั้งแท่ง แล้วสัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหนในมรรคแปด’
‘มันก็ไม่ใช่สมาธิตาย นอนตายอยู่อย่างนี้ซิ สมาธิของพระพุทธเจ้า.. ไม่ได้เป็นเหมือนสมาธิแบบหมูขึ้นเขียงอย่างท่านนี่นะ สมาธิของพระพุทธเจ้า .. สมาธิต้องรู้สมาธิ ปัญญาต้องรู้ปัญญา อันนี้มันเอาสมาธิเป็นนิพพานเลย มันบ้าสมาธินี่ สมาธินอนตายอยู่นี้เหรอ เป็นสัมมาสมาธิน่ะ เอ้า ๆ พูดออกมาซิ’
พอท่านซัดเอา เราก็หมอบ พอลงมาจากท่านแล้วก็มาตำหนิตัวเอง เราทำไมจึงไปซัดกับท่านอย่างนี้ เรามาหาท่านเพื่อหวังเป็นครูเป็นอาจารย์ มอบกายถวายตัวกับท่านแล้ว แล้วทำไมจึงต่อสู้กับท่านแบบนี้ล่ะ
ถ้าเราเก่งมาหาท่านทำไม ถ้าไม่เก่งไปเถียงท่านทำไม เรื่องทิฐิมานะมันไม่มี มีแต่สอดแทรกหาเหตุผลเท่านั้น...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2014 เมื่อ 12:54
|