วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพได้ไปบรรยายให้บรรดาพระวิปัสสนาจารย์ที่เข้ากรรมฐานตามโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดดอน ยานนาวา
วัดนี้ชื่ออย่างเป็นทางการคือ วัดบรมสถล บรม ก็คือ ปรมะ คือ ยิ่งกว่า สถล ก็คือพื้นดิน คราวนี้ทำไมถึงยิ่งกว่าพื้นดินแล้วเป็นดอน ? สมัยก่อนกรุงเทพฯ เป็นที่ลุ่ม หาที่ดอนยากมาก ดอนเมืองเขาเอาไว้สร้างสนามบิน เพื่อป้องกันน้ำท่วม คราวนี้พอมาดอนที่ยานนาวานี่ เขาเอาไว้สร้างวัด
การบรรยายให้กับพระวิปัสสนาจารย์มีทั้งดีและไม่ดี คำว่าดีก็คือกำลังใจของทุกคนไปในด้านเดียวกัน กระผม/อาตมภาพก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นการเทศน์ การกล่าวสัมโมทนียกถา หรือว่าการบรรยายธรรม มีอยู่ส่วนหนึ่งก็คือ ต้องดึงกำลังใจคนฟังให้มาอยู่กับเราให้ได้ แล้วถ้าหากว่าคนส่วนใหญ่ไม่สนใจฟัง คนพูดจะเหนื่อยมากเป็นพิเศษ คราวนี้ในเมื่อคณะพระวิปัสสนาจารย์ท่านเคยชินกับการปฏิบัติธรรม ก็ทำให้สะดวก ก็คือใช้กำลังน้อย สามารถบรรยายแบบสบาย ๆ ได้
แต่ว่าไม่ดีตรงจุดที่ว่า ทุกคนเป็นนักปฏิบัติธรรม หลายรูปพรรษามากกว่ากระผม/อาตมภาพอีก รู้สึกจะมีอยู่ ๒ หรือ ๓ รูปที่พรรษามากกว่าผม ครั้งแรกที่เลขานุการรุ่นขอให้ทุกคนกราบผู้บรรยายธรรม ปรากฏว่า ๒ แถวแรกนั่งหัวโด่กันหมด ก็ประมาณว่า "มึงมีดีอะไรจะให้กูกราบ ? ต่อให้กูพรรษาน้อยกว่ากูก็ไม่สน..!" เมื่อว่าไปจนจบ ๔๕ นาที รับไทยธรรมแล้ว ปรากฏว่าคราวนี้ทั้งหมดกราบด้วยกัน ยกเว้นอยู่ ๒ รูปที่พรรษาท่านมากกว่าจริง ๆ เท่านั้น
ก็แปลว่า ถ้าเราไม่มีดีจริง ที่จะเอาไปให้ท่านได้รู้ได้เห็น ท่านก็จะแบกกิเลสเอาไว้ ก็คือแบกสักกายทิฏฐิ ตัวกูของกู ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่แบกกิเลสอยู่ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองแบกกิเลสอยู่ โดยเฉพาะความยึดมั่นถือมั่นว่ากูดีกว่า
ของพระเราไม่เท่าไร เพราะว่าอยู่ในฐานะของปูชนียบุคคล ชาวบ้านเขาให้ความเคารพนับถือ ต่อให้เป็นนักปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าดีกว่าก็ยังพอทน เพราะว่าชาวบ้านเขาก็ยกให้ แต่ฆราวาสด้วยกันจะลำบาก เพราะว่าทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองดีกว่า จะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะฟังใครแล้ว ถ้าไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือจริง ๆ แล้วมักจะเอาไม่อยู่ คนอื่นเตือนไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-07-2022 เมื่อ 03:08
|