อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบว่า เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย แล้วก็จะโดนเขากระทืบตาย เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่..! สิ่งที่เราเห็น เราเห็นจริง ๆ ว่าเขากำลังไล่ฆ่าไล่ฟันกัน แต่เรื่องที่เราเห็นนั้นไม่จริง เพราะว่าเขากำลังแสดงหนัง ถ่ายหนังกันอยู่
เรื่องของการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เรามีโอกาสที่จะโดนหลอกได้ในลักษณะแบบนี้สูงมาก แรก ๆ ก็บอกเรื่องจริงกับเรามาก ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วท้ายที่สุดก็สอดแทรกเรื่องไม่จริงเข้ามาทีละเล็กละน้อย จนกระทั่งเราหลงเตลิดเปิดเปิง แล้วพอคนอื่นบอกกล่าวความเป็นจริงให้ทราบ เราก็ไม่เชื่อ เหตุที่ไม่เชื่อ เพราะไปยึดมั่นถือมั่นว่า "กูเห็น กูจึงเชื่อ"
ดังนั้น...การที่มีทิพจักขุญาณ หรือว่าการรู้เห็นต่าง ๆ จะว่าไปแล้ว เป็นโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะว่าเราไปยึดมั่นถือมั่น ทำให้ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ จึงเป็นเรื่องที่บรรดานักปฏิบัติธรรมทั้งหลายจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับวันนี้ก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2021 เมื่อ 02:25
|