"เสร็จแล้วก็มีอยู่คนหนึ่งวิ่งมาติดต่อกับ Eric ที่เป็นมัคคุเทศก์ ได้ยินพูดว่า “ซือฝู่..ซือฝู่” อาตมา ก็ “บรรลัยละ กูอีกแล้ว..!” อาตมาก็เหวี่ยงเป้ขึ้นบ่า..บ๊ายบาย..ไปก่อนละ ปล่อยคนอื่นนั่งอยู่นั่นแหละ เดินอ้อมทะเลสาบไป ไปหาทางว่าทำอย่างไรที่จะลงไปในทะเลสาบได้ เพราะว่าเขาทำเป็นทางเดินมีระเบียงกั้นอยู่ เนื่องจากทิดเฟิร์สเขาอยากได้น้ำในทะเลสาบมาทำน้ำมนต์
อาตมาถามดูแล้วเจ้าที่เขาไม่หวง แต่ให้หาทางลงเอาเอง เพราะว่าเขาอนุญาตให้ไม่ได้ เดินอ้อมไปครึ่งทะเลสาบ ในที่สุดก็เจอทางลง คือเป็นทางที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง เบียดแทรกกลางต้นไม้ลงไป แล้วมีก้อนหินที่โผล่ ๆ อยู่ตามผิวน้ำอยู่หน่อยหนึ่ง ก็เอาปลายเท้าสะกิดก้อนหิน เดินลงไปจนถึงที่ลึกพอก็ตักน้ำ
พอได้น้ำก็เลี้ยวกลับโดยใช้วิธีเดิมก็คือ มีหินโผล่พ้นน้ำขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เดินแตะก้อนหินกลับขึ้นมา ปรากฏว่ามีอาอึ้ม ๒ คนเห็นเข้า อาอึ้มคนหนึ่งจัดการมุดต้นไม้ตามมาทันที ตะโกนบอกพรรคพวกช่วยถ่ายรูปให้ด้วย อาตมาก็ขึ้นฝั่ง หยิบเป้ขึ้นมาได้ปรากฏว่าหูเป้ที่เหลือข้างเดียวกรอบจนหลุด อากาศหนาวจัดจนพลาสติกตัวล็อกกรอบขาดหมด มัวแต่นั่งผูกหูเป้อยู่ ได้ยินเสียงอาอึ้มแกส่งเสียงให้เพื่อนช่วยถ่ายรูป รออั๊วเดินออกไปอีกหน่อยหนึ่งก่อน ปรากฏว่าเสียงดังตู้ม..! สงสารแกจริง ๆ เลย อากาศติดลบ ๔ องศาเซลเซียสแล้วตกลงไปในน้ำ ...(หัวเราะ)... สั่นแหง็ก ๆ รอเพื่อนไปช่วยฉุดขึ้นมา
จำไว้ว่าเห็นพระเดินได้อย่าคิดว่าตัวเองเดินได้..! คือการเดินลักษณะอย่างนั้นวิชาตัวเบาต้องดีพอ วิชาตัวเบาไม่ดีพอก็จะเกิดอาการอย่างที่เห็นนั่นแหละ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-12-2019 เมื่อ 19:59
|