ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 27-05-2022, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,510
ได้ให้อนุโมทนา: 151,450
ได้รับอนุโมทนา 4,406,012 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เหตุเพราะว่าญาณเครื่องรู้ในแต่ละระดับนั้น มีขึ้นเพื่อช่วยในการตัดกิเลสในจิตในใจของเรา ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นามรูปปริจเฉทญาณไม่ใช่ในเรื่องที่ท่านทั้งหลายจะสามารถจับอาการพองยุบได้ชัดเจน ไม่ใช่อาการที่ท่านทั้งหลายจะสามารถกำหนดพองยุบได้

หากแต่ว่านามรูปปริจเฉทญาณในที่นี้ก็คือ เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ท่านทั้งหลายสามารถที่จะหยุดเอาไว้ได้ทันที เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ สักแต่ว่าเป็นรูป สักแต่ว่าเป็นนาม ไม่ไปปรุงแต่งต่อให้เกิดโทษแก่ตนเอง ก็คือตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจครุ่นคิด ก็สามารถที่จะหยุดเอาไว้ ไม่ให้มาทำอันตรายต่อจิตใจของเราได้

ถ้าหากว่ามาถึงระดับนี้ พอที่จะเรียกได้ญาณได้ แต่ยังมีระดับที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้น ก็คือเห็นทุกข์เห็นโทษว่าการปรุงแต่งในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษแก่เรา ในการเวีนนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ก็หยุดการปรุงแต่งทั้งปวงลงไป ด้วยอำนาจของ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ท่านทั้งหลายได้หมั่นเพียรฝึกฝนและสั่งสมมา

ในเมื่อการปรุงแต่งหยุดยั้งลง ทุกอย่างก็หยุดหมด ดับหมด เราสามารถเข้าถึงนิโรธ คือความดับได้ แต่ถ้าหากว่าเข้าถึงชั่วคราวก็ยังไม่จัดเป็นนิโรธที่แท้จริง

การที่จะเข้าถึงความดับที่แท้จริง ก็คือต้องรู้สึกเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลาว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะก่อทุกข์ก่อโทษให้แก่เรา แล้วไม่ไปแตะต้อง ไม่ไปเติมเชื้อให้ไฟทั้งหลายเหล่านั้นลุกขึ้นมาเผาผลาญกาย วาจา ใจ ของเรา ก็จะทำให้ท่านทั้งหลายสามารถเข้าถึงญาณนี้ได้อย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2022 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา