ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 16-08-2022, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,451
ได้รับอนุโมทนา 4,406,177 ครั้ง ใน 34,112 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพก็น่าจะกลับมาถึงวัดท่าขนุนเร็วกว่านี้ แต่ว่ารถมีปัญหา ต้องไปเข้าศูนย์ จึงทำให้กลับมาช้าไปหลายชั่วโมง

ทั้งในช่วงเช้าและเมื่อกลับมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เข้าระบบ Zoom Meeting Online เพื่อร่วมงานสัมมนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา แต่คราวนี้หัวข้อเรื่องก็คือ "บทบาทของพระสงฆ์กับเทคโนโลยีในการต้านทุจริต" ซึ่งมาถึงตรงนี้ กระผม/อาตมภาพ เห็นว่าไปไกลเกินไป

เรื่องของเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ โลกต้องก้าวไปข้างหน้า แต่ว่าเราต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา อย่างเช่นวัดท่าขนุน มีการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนออกอากาศจากทางช่องยูทูบทุกวัน นี่ก็เป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างหนึ่ง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วพระภิกษุสามเณรทั่วไป ตลอดจนกระทั่งญาติโยม มักจะตกเป็นทาสของเทคโนโลยี แล้วก็มีจำนวนมากที่เป็นทาสแบบโงหัวไม่ขึ้นอีกด้วย..!

ดังนั้น...ในหัวข้อบทบาทของพระสงฆ์กับเทคโนโลยีในการต้านทุจริต จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดี การที่เราจะต้านทุจริตได้ อันดับแรกเลยก็คือ กำลังใจของเราต้องเข้มแข็งพอ ถ้ากำลังใจของเราเข้มแข็งไม่พอ ยังเป็นทาสของ รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ โอกาสที่จะเอาชนะความทุจริต ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้

ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ ก็แปลว่า ตัวเราเองยังไม่สามารถที่จะสั่งสอนตนเองให้สำเร็จลงได้ แล้วเราจะไปสั่งสอนญาติโยมได้อย่างไร ? ซ้ำยังต้องใช้เทคโนโลยีไปช่วยอีกต่างหาก

ถ้าเราดูบรรดาพระธรรมทูตรุ่นแรก ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งออกเพื่อประกาศพระพุทธศาสนา ทั้ง ๖๐ รูปคือพระอรหันต์ เป็นผู้ที่สามารถพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อประพฤติปฏิบัติแล้วจะมีผลอย่างไร ในเมื่อมีผลแล้ว ตนเองจะนำไปเผยแผ่อย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกท่านชัดเจนและทำได้อย่างเต็มกำลัง เพราะว่าไม่มีภาระแล้ว

อย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มุตตาหัง ภิกขะเว สัพพะปาเสหิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อะหังคือตัวเรา พ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวง

เยจะ ทิพพา เยจะ มะนุสสา ทั้งที่เป็นของทิพย์และของมนุษย์ แม้เธอทั้งหลายก็พ้นแล้วเช่นกัน ดังนั้น...ภิกษุทั้งหลายขอพวกเธอจงเที่ยวไป เพื่อประโยชน์ของชนหมู่มาก เพื่อความสุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก

แต่เราจะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ พระภิกษุสามเณรของเรา แม้ว่าจะศึกษาจนจบปริญญาเอก ก็ยังเป็นการศึกษาเพียงด้านเดียว ก็คือปริยัติธรรม แต่ในส่วนของการปฏิบัติ น้อยคนที่สามารถทำจนก่อประโยชน์ให้เกิดแก่ตนได้อย่างแท้จริง

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็แปลว่าท่านทั้งหลายยังเป็นผู้ที่ต้องศึกษาอยู่ ซึ่งภาษาบาลีเรียกว่า เสขบุคคล ในเมื่อตนเองยังต้องศึกษาอยู่ แล้วจะให้ไปเผยแผ่หลักธรรมต่อผู้อื่น ความชัดเจนในหลักธรรมย่อมไม่มี นี่เป็นประการหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2022 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา