ดูแบบคำตอบเดียว
  #456  
เก่า 13-06-2020, 19:49
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ไล่ลงเดี๋ยวนั้น ร้องไห้ลงไปเลย.. เราก็เฉย น้ำตานี่ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร เราเอาตรงนั้น ไล่ลงไป ‘อย่าขึ้นมานะ แต่นี้ต่อไปห้าม’ ตัดเด็ดกันเลย ไปได้ ๔-๕ วัน โผล่ขึ้นมาอีก ‘.. ขึ้นมาทำอะไร !!!..’

‘เดี๋ยว ๆ ให้พูดเสียก่อน เดี๋ยว ๆ ให้พูดเสียก่อน’ แกว่า

‘มันอะไรกัน นักปราชญ์ใหญ่’ เราว่าอย่างนั้นนะ ว่านักปราชญ์ใหญ่

แกว่า ‘เดี๋ยว ๆ ให้พูดเสียก่อน ๆ’ แกจึงเล่าให้ฟัง คือไปมันหมดหวัง.. แกก็หวังจะพึ่งก็พูดเปิดอกเสียเลย

แกหวังว่า ‘จะพึ่งอาจารย์องค์นี้ ชีวิตจิตใจมอบไว้หมดแล้ว.. ไม่มีอะไร แล้วก็ถูกท่านไล่ลงจากภูเขา เราจะพึ่งที่ไหน ? แล้วเหตุที่ท่านไล่ ท่านก็มีเหตุมีผลของท่านว่าเราไม่ฟังคำท่าน ท่านไล่ นี่ถ้าหากว่าเราจะถือท่านเป็นครูบาอาจารย์แล้ว ทำไมจึงไม่ฟังคำของท่าน เพราะเราอวดดีแล้วมันก็เป็นอย่างนี้ ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร ทีนี้ก็เลยเอาคำของท่านมาสอนมาปฏิบัติ มันจะเป็นยังไง ? เอาว่าซิ มันจะจมก็จมไปซิ

คราวนี้แกเอาคำของเราไป สอนบังคับไม่ให้ออกอย่างว่านั่นแหละ แต่ก่อนมีแต่ออก ๆ ห้ามขนาดถึงว่าไล่ลงภูเขา แกไม่ยอมเข้า มีแต่ออกรู้อย่างเดียว พอไปหมดท่าหมดทาง หมดที่พึ่งที่เกาะแล้ว ก็มาเห็นโทษตัวเอง ‘ถ้าว่าเราถือท่านเป็นครูเป็นอาจารย์ ทำไมไม่ฟังคำท่าน ฟังคำท่านซิ ทำลงไปแล้วเป็นยังไงให้รู้สิ’ ...

ทีนี้ก็มีแต่บังคับให้อยู่ละ คราวนี้เพราะมันชินพอ พอบังคับให้อยู่ พอแน่วลงอยู่นี้ก็สว่างจ้าขึ้น แล้วก็ปรากฏเป็นนิมิต เรานี้แหละมา.. ถือมีด เรียกว่าอะไรไม่รู้ มีดก็มีดคมกริบ แสงออกแพรวพราว ๆ ทีนี้ให้พิจารณาอย่างนี้นะ การทำลายกายทำลายอย่างนี้ จุดตะเกียงเจ้าพายุมาด้วยนะ หิ้วตะเกียงเจ้าพายุมาด้วยแกว่า.. หิ้วตะเกียงเจ้าพายุมาแล้วก็ฟันเลย ฟันตัวแกนั่นแหละในนิมิตภาวนา ฟันพออันนี้ขาดตก อันโน้นขาดตก ฟันนี้ ๆ ทำอย่างนี้ ๆ แยกกายแยกอย่างนี้ ฟันฟาดมันแหลกไปเลยนะ ฟันแล้ว เขี่ย ๆ เขี่ยออก

‘นี่ ๆ ดูเอา ๆ แล้วแยกออกไป อันไหนเป็นสัตว์ อันไหนเป็นบุคคล อันไหนเป็นหญิง อันไหนเป็นชาย เอ้า.. ดูเทียบดู อันไหนสวย อันไหนงาม เอ้า.. ดู’

ฟันออกจนแหลก ทางนี้ก็ดู เกิดความสลดสังเวชภายในจิตใจ มันเป็นนิมิตอันหนึ่ง.. ออกแต่เป็นธรรม พออันนี้แตกกระจัดกระจายไปจนกระทั่งว่าเกิดความสลดสังเวชตัวเอง พอคราวนี้พึ่บลงอีก คราวหลังนี้เงียบเลย พูดไม่ถูกคราวนี้ จะว่าอัศจรรย์ขนาดไหนพูดไม่ถูก ทีนี้พอจิตถอนขึ้น จากนั้นก็หมอบกราบไปทางภูเขาเลยแกว่า ..

พอทำตามนั้นมันก็เปิดโล่งภายในซิ ทีนี้จำขึ้นเลยเชียว .. นี่แหละที่กลับขึ้นมา กลับขึ้นมาเพราะเหตุนี้ ทีนี้ได้รู้อย่างนั้น ๆ ละ ทีนี้รู้ตามที่เราสอนนะ
‘เออ เอาละ ทีนี้ขยำลงไปนะตรงนี้ ทีนี้อย่าออก อย่ายุ่ง ยุ่งมานานแล้วไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร เหมือนเราดูดินฟ้าอากาศ ดูสิ่งเหล่านั้นน่ะ ดูเปรต ดูผี ดูเทวบุตรเทวดา มันก็เหมือนตาเนื้อเราดู สิ่งเหล่านี้ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร ถอนกิเลสตัวเดียวก็ไม่ได้ นี่ตรงนี้.. ตรงถอนกิเลส


เราก็ว่าอย่างนี้ ‘เอ้า ดูตรงนี้นะ’

แกก็ขยำใหญ่เลย เอาใหญ่เลย ลงใจไม่นานนะก็ผ่านไป แกบอกแกผ่านมานานนะ ... พ.ศ. ๒๔๙๔ เราไปจำพรรษาที่ห้วยทรายในราวสัก ๒๔๙๔ ละมัง แกก็ผ่าน...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2020 เมื่อ 12:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา