ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 19-05-2022, 00:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,545 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ วันนี้ได้เข้าอบรมผ่านระบบ Zoom Meeting Online แล้ววิทยากรที่เป็นระดับ รศ., ดร. รองอธิบดีกรมหนึ่ง ได้ให้ข้อมูลที่ผิดพลาดอย่างแรงเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยกล่าวว่า "ที่พระพุทธเจ้าไม่ให้พระภิกษุสามเณรใส่รองเท้า เพราะว่าจะได้ระมัดระวัง ไม่ไปเหยียบข้าวกล้าของชาวบ้านเขา..!"

ตรงนี้ท่านทั้งหลายก็คงจะเคยได้ยินกระผม/อาตมภาพบอกกล่าวมาแล้วว่า "พระภิกษุสามเณรของเราไม่ใช่ควาย จะได้เดินไปลุยนาเหยียบข้าวกล้าของชาวบ้านเขา" ขนาดสมัยวัยรุ่น
กระผม/อาตมภาพเลี้ยงควาย ยังฉลาดมาก บอกให้เดินแค่ไหนควายก็เดินแค่นั้น กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนสมัยก่อนของเราเอาข้อมูลตรงนี้มาจากไหน ?

ความจริงแล้วการอยู่จำพรรษาในฤดูฝนของพระภิกษุสามเณรนั้น เกิดจากการที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เห็นพระภิกษุ ๓๐ รูปที่เป็นชาวเมืองปาฐา เดินทางมาสักการะพระองค์ท่านในช่วงฤดูฝน แล้วจีวรเปียกฝนโชกมาทั้งองค์ ประกอบกับบรรดานักบวชนิกายอื่น ๆ ลัทธิอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ให้สัทธิวิหาริกอันเตวาสิก ก็คือลูกศิษย์ของตนหยุดการเดินทางในช่วงฤดูฝน

ที่สำคัญก็คือ โดยธรรมเนียมสมัยก่อน เมื่อมีแขกไปใครมาถึงบ้าน ก็ต้องให้การต้อนรับ โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นพระภิกษุสงฆ์สามเณรมา ก็ต้องจัดอาสนะ จัดน้ำใช้น้ำฉัน จัดภัตตาหารถวาย ฤดูฝนเป็นฤดูของการทำนา ถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณรของเรายังวนเวียนไปรบกวนญาติโยมอยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้การทำนาของเขาล่าช้า จนเกิดผลเสียหายได้

เมื่อด้วยเหตุหลายประการเหล่านี้เกิดขึ้น จึงทำให้สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอนุโลมตามนักบวชลัทธิอื่น ๆ ก็คือให้พระภิกษุจำพรรษาอยู่ตลอด ๓ เดือนของฤดูฝน

ส่วนในเรื่องการห้ามพระภิกษุสงฆ์สามเณรใส่รองเท้านั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม แต่ว่าชาวบ้านสมัยก่อน ไม่ต้องสมัยก่อนหรอก แค่ช่วงกระผม/อาตมภาพเด็ก ๆ นี่แหละ เดินตีนเปล่ากันเป็นปกติ จนกระทั่งภารโรงที่โรงเรียนเก่าที่กระผม/อาตมภาพเรียนอยู่ ชื่อ "ตาดา" ถึงเวลาก็เดินลุยเข้าไปในสนามฟุตบอลที่เต็มไปด้วยหนามโคกกระสุน เดินแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย จนพวกเราเรียกประชดชีวิต โดยเรียกหนามโคกกระสุนว่า "พรมตาดา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2022 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา