ในเรื่องของการบริหารงานคณะสงฆ์ก็ดี บริหารกิจการสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม สำคัญที่ว่าเราจะต้องประกอบไปด้วยหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือหลักอิทธิบาท ๔ ได้แก่
๑) ฉันทะ มีความยินดีและพอใจที่จะกระทำตามหน้าที่นั้น ๆ ด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยการทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดที่มี เพื่อให้งานในหน้าที่นั้นออกมาให้ดีที่สุด
๒) วิริยะ มีความพากเพียรที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ท้อถอย ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคยากเข็ญขนาดไหนก็ตาม ก็จะต่อสู้ฟันฝ่าไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ
๓) จิตตะ มีกำลังใจจดจ่ออยู่กับหน้าที่การงานนั้น ๆ มุ่งมั่นไม่ท้อถอย จนกว่าจะประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์
๔) วิมังสา มีความมุ่งมั่นต่อเป้าหมาย ศึกษาทบทวนอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำ คำที่เราพูด ยังตรงต่อกิจงานนั้นอยู่หรือไม่ ? ต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไร ให้งานนั้นออกมาแล้วดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
ถ้าหากว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าจะกระทำสิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ประกอบไปด้วยหลักอิทธิบาท ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่เราทั้งหลายกระทำนั้นย่อมประสบความสำเร็จด้วยดี และดีกว่าผู้อื่นเสมอ เพราะว่าเรามีใจให้กับงาน ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2022 เมื่อ 02:24
|