"ไปนึกถึงหลวงตาที่อยู่ป่า ภาวนานะโมพุทธาแยะ ยังเสกก้อนหินกินได้เลย หลวงตาไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้จดไว้ เวลาอาจารย์สอนก็อาศัยจำอย่างเดียว พอไปท่องคาถาคิดว่าเป็นนะโมพุทธาแยะ ท่านก็ว่าไปเรื่อย กำลังใจมั่นคง เสกก้อนหินเป็นขนมกินได้ ถึงเวลาไม่ต้องบิณฑบาต ปรากฏว่าวันดีคืนดี คุณมหาประโยค ๙ จากกรุงเทพฯ ก็ไปซ้อมธุดงค์ เจอกับหลวงตาเข้า ตอนเช้าชวนบิณฑบาต หลวงตาบอกไม่ต้องบิณฑบาตหรอก ว่าแล้วหยิบก้อนหินขึ้นมาเป่า กลายเป็นขนมอยู่ตรงหน้า
มหาเขาเลื่อมใสมาก หลังอาหารแล้วก็ขอเรียนวิชา หลวงตาบอกไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ภาวนา นะโมพุทธาแยะ..เป็นเรื่องเลย มหาประโยค ๙ เขารู้ว่าบาลีไม่มีแยะ มีแต่ยะ "ไม่น่าจะถูกนะครับหลวงตา ผมเรียนบาลีมา มีแต่นะโมพุทธายะ ไม่มีแยะหรอก" เจริญเถอะ...รุ่งขึ้นอดทั้งคู่ เพราะหลวงตาใจไม่มั่นคง เวลาภาวนาเมื่อไรก็นึกว่าของตัวเองผิด อดแทบตาย ต้องออกจากป่าไปทั้งคู่
หลวงตากลับไปหาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ “ตกลงที่ผมเรียนไปนี่นะโมพุทธาแยะ หรือนะโมพุทธายะครับ” อาจารย์ถาม “แล้วคุณภาวนาอย่างไร ?” “แรก ๆ ผมเข้าป่าไป ผมภาวนานะโมพุทธาแยะ เสกก้อนหินเป็นข้าวเป็นขนมกินได้ พอตอนหลังคุณมหายืนยันว่าต้องนะโมพุทธายะถึงจะถูก มัวแต่สงสัยอยู่ก็เลยกำลังใจไม่มั่น เสกหินกินไม่ได้อีก” ปรากฏว่าไปเจอพระอุปัชฌาย์เก่ง “โถ..คุณ นะโมพุทธาแยะนั่นตัวเมีย ใช้ได้เหมือนกัน แต่ถ้านะโมพุทธายะเป็นตัวผู้ จะขลังกว่าอีก..!”
พอพระอุปัชฌาย์ยืนยันว่าใช้ได้ ปรากฏว่าหลวงตากำลังใจมั่นคง ต่อไปเสกยะก็ได้ แยะก็ได้ กินกระจายละคราวนี้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 08:31
|