"เมื่อพระองค์ท่านสามารถปรับเอาสภาวะหลุดพ้นจอมปลอมนั้น มาใช้เป็นกำลังในการพิจารณา จนเกิดปัญญายอมรับ สภาวะการหลุดพ้นที่แท้จริงจึงปรากฏขึ้น เพราะว่าสภาพจิตไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด จากการที่ต้องกดไว้ เพื่อเข้าสู่สภาวะการหลุดพ้นจอมปลอม ก็กลายเป็นไม่ต้อง เพราะว่าสภาพจิตปล่อยวางทุกอย่างหมด ไม่มีอะไรร้อยรัดได้ เมื่อไม่มีอะไรร้อยรัดได้ ก็ไม่จำเป็นต้องหลุดพ้น อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีอะไรร้อยรัดได้อยู่แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อพระองค์ท่านประกาศหลักการ บรรดาโยคีบุคคลที่ปฏิบัติอยู่ใกล้เคียงระดับนั้นแล้วได้ฟัง ต่อยอดนิดเดียวก็บรรลุมรรคผลไปตาม ๆ กัน ฉะนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
สิ่งที่อาตมาทำอยู่ ญาติโยมทั้งหลายเห็นอยู่ ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดไป เพียงแต่ว่าก้าวข้ามระดับของพวกเราทั่ว ๆ ไปอยู่หน่อยเดียว ก็คือการใช้เรื่องของสมาธิจิตได้มากกว่าโยมนิดเดียว ถ้าหากว่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ก็คือใช้ในการตัดกิเลส เสริมความแหลมคมของปัญญา แทงทะลุความมืดบอดของกิเลสที่พอกใจของเราอยู่ พอทะลวงฝ่าออกไปได้ ความมืดมิดทั้งหมดหายไป เหลือแต่ใจที่สว่างไสวอยู่ กิเลสก็ไม่สามารถที่จะเกาะกินได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2019 เมื่อ 21:23
|