วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่พวกเราเพิ่งจะบวชรับศีล ๘ ไป ไม่ใช่ศีลอุโบสถ ศีล ๘ กับศีลอุโบสถ สิกขาบทเท่ากัน เหมือนกันทุกประการ แต่ศีลอุโบสถนั้นรักษาแค่ ๑ วันกับ ๑ คืน ดังนั้น...จะมีบาลีกำกับท้ายว่า อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง แต่ว่าศีล ๘ นั้นเป็นการรักษาตามใจผู้ปฏิบัติ
ถ้าหากว่านับศีลอุโบสถ ก็มีอยู่ ๓ ประเภทด้วยกัน คือปกติอุโบสถรักษา ๑ วันกับ ๑ คืน ปฏิชาครอุโบสถ รักษา ๓ วันก่อนวันพระ รวมวันพระ ๑ วัน และรักษาเลยวันพระไปอีก ๓ วัน รวมแล้วเป็น ๗ วันกับ ๗ คืน ส่วนประการสุดท้ายคือปาฏิหาริยอุโบสถ ส่วนมากก็คือรักษากันตลอดทั้งชีวิต ในส่วนที่พวกเรารับศีล ๘ ไปนั้น จัดอยู่ในส่วนของปาฏิหาริยอุโบสถ แม้ว่าบางคนจะไม่สามารถรักษาได้ตลอดชีวิต แต่ก็รักษามากกว่า ๑ วัน ๑ คืน และงานนี้ของพวกเราก็ปฏิบัติธรรมกันถึง ๕ วัน ๔ คืน
ในส่วนของศีลอุโบสถนั้น ปกติแล้วเป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้าระดับสูง คือพระอนาคามี ถ้าหากว่าปุถุชนเข้าถึงความเป็นพระอนาคามี จะถือศีล ๘ เองโดยอัตโนมัติ คราวนี้การที่เรารักษาศีล ๘ ถ้าข้อใดข้อหนึ่งขาดตกบกพร่อง เขาถือว่าขาดหมดทั้ง ๘ ข้อ ไม่เหมือนกับศีล ๕
ศีล ๕ นั้น ถ้าหากว่าเราขาดข้อใดข้อหนึ่ง อีก ๔ ข้อยังสมบูรณ์อยู่ ดังนั้น...เวลาขอศีล ๕ เขาถึงใช้คำว่า วิสุง วิสุง ก็คือเป็นส่วน ๆ เป็นข้อ ๆ แต่ในการขอศีล ๘ ไม่มีคำนี้ เนื่องจากว่าศีล ๘ เป็นศีลของผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าหากว่าด่างพร้อยแม้แต่ข้อเดียว ถือว่าพรหมจรรย์บกพร่อง แปลว่าขาดตกบกพร่องทั้งหมด ตรงส่วนนี้หลายคนอาจจะไม่ทราบแล้วก็ไม่เข้าใจอีกต่างหาก
เรื่องของศีล ๘ นั้น มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับนักปฏิบัติธรรม เพราะว่าเสริมเติมในส่วนละเอียด ระมัดระวังป้องกันเราเอาไว้ จากการที่เราทั้งหลายจะไปดูการละเล่น ขับร้อง ฟ้อนรำ ตกแต่งร่างกายด้วยของหอม เครื่องย้อม เครื่องทา และเครื่องประดับต่าง ๆ ซึ่งตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าเราสามารถละเว้นได้ ก็แปลว่าเราได้ตัดในส่วนของสักกายทิฏฐิออกไปมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-04-2022 เมื่อ 02:22
|