จนกระทั่งมาถึงระยะหนึ่ง เกิดสงสัยขึ้นมาว่า แล้วคนที่เขาอยู่ต่อ เขาทำอะไรกัน ? จึงตัดสินใจอยู่ต่อ ถึงได้ทราบว่า ถ้าเป็นช่วงเสาร์อาทิตย์ เขามีการฝึกมโนมยิทธิ และซักซ้อมญาณแปด ก็ไปซ้อมกับพวกเขา พอสี่โมงเย็นหลวงพ่อท่านขึ้นพัก กระผม/อาตมภาพก็กลับบ้าน เป็นอย่างนั้นอยู่อีกนาน
จนกระทั่งท้ายสุด เกิดความสงสัยว่าแล้วกลางคืนเขาทำอะไรกันบ้าง ? พอสี่โมงเย็นจึงไม่ได้กลับ หากแต่ว่ารอจนกระทั่งปฏิบัติกรรมฐานรอบค่ำเสร็จแล้วค่อยกลับบ้าน
ญาติโยมจะเห็นว่าสิ่งที่ทำค่อย ๆ ซึมเข้าเนื้อเข้ากระดูกไปทีละหน่อย..ทีละหน่อย นั่นคือจากกำลังใจที่ไม่ได้คิดจะไปเลย ก็กลายเป็นไปครึ่งวัน ไปเกือบทั้งวัน ไปทั้งกลางวันและกลางคืน พอท้ายที่สุดทำงานช่วงเช้าวันศุกร์เสร็จ ก็อันตรธานจากที่ทำงานไปอยู่ที่บ้านสายลม กลับมาอีกทีก็บ่ายวันจันทร์ เจ้านายจะบ่น เจ้านายจะด่า เจ้านายจะว่าอะไรก็เรื่องของเขา บอกเจ้านายไปว่า "ถ้าไม่พอใจก็ไล่ผมออกได้เลย..!"
ดังนั้น...ถึงกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติธรรมจริง ๆ แล้วรู้จักสังเกตตัวเอง จะเห็นความก้าวหน้า หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เห็นชัดว่าบารมีของเราที่สั่งสมนั้น มากขึ้นไปเรื่อย ๆ จะทำอะไรได้เด็ดขาดและรวดเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ แล้วท้ายที่สุดก็ถึงระดับ "ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2022 เมื่อ 03:03
|