ที่ผมกล่าวตรงนี้เพราะว่า ท่านปูขออนุญาตไปจำพรรษาที่วัดวังปะโท่ แล้วก็อีกหลายท่านนับสิบรูปที่ขอไปจำพรรษาที่อื่น ผมอยากจะบอกว่า กำลังใจแบบนี้เป็นกำลังใจที่หนีปัญหา ท่านจะไม่มีวันมีความก้าวหน้าขึ้นมาเลย เพราะว่าเจอปัญหาแล้วไม่แก้ไข แต่ใช้วิธีหนีห่าง..!
การอยู่ร่วมกัน การกระทบกระทั่งกันย่อมมีเป็นปกติ แม้กระทั่งเรื่องของการจัดเวรจัดยาม แบ่งปันหน้าที่กัน ก็มีการกระทบกระทั่งกัน แต่พวกท่านทั้งหลายลืมอะไรไปหรือเปล่าครับว่า เราเป็นพระภิกษุสามเณร ต้องอยู่ด้วยพระธรรมวินัย ผู้อาวุโสกว่าก็คือพี่ ล่วงเกินเมื่อไร ก็โดนอาบัติแดกเมื่อนั้น...!
ลองนึกถึงพระมหากัสสปะสิครับ พระพุทธเจ้าให้โอวาท ๓ ข้อว่าอย่างไร ? "ดูก่อนกัสสปะ...ขอเธอจงเข้าไปตั้งอยู่ในความเกรงใจต่อพระภิกษุผู้เป็นนวกะ มัชฌิมะ และพระเถระอย่างแรงกล้า"
ทำไมถึงต้องกล่าวแบบนั้น ? เพราะว่าพระมหากัสสปะเป็นผู้ใหญ่ อายุมาก เป็นเศรษฐี บุคคลที่มากด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ แถมยังร่ำรวยด้วย อดไม่ได้หรอกครับที่จะติดนิสัยมา ก็คือไม่ค่อยที่จะเห็นหัวใคร แต่พระมหากัสสปะท่านตั้งใจบวชเพื่อเอาดีจริง ๆ ท่านรับฟังโอวาท ๓ ข้อแล้วปฏิบัติตามตลอดชีวิต ใครอยากรู้ว่าอีก ๒ ข้อมีอะไร ให้ไปหาอ่านเอาเอง แล้วถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ พวกท่านคิดว่าทำได้ไหมครับ ?
หลายท่านที่ขอไปอยู่ที่อื่น บางท่านก็ชื่นชมแนวประพฤติปฏิบัติของสายวัดป่าแบบธรรมยุต แต่ตัวเองนี่ไม่ได้สะเก็ดฝุ่นของเขานะครับ..ผมขอยืนยัน เพราะว่าท่านเองไม่เข้าใจเลยว่ากิจวัตร วิธีวัตร อาคันตุกะวัตร อุปัชฌายาจริยวัตรเป็นอย่างไร ??
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2021 เมื่อ 02:23
|