วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย เนื่องเพราะว่าเป็นวันพระใหญ่ สภาพร่างกายของกระผม/อาตมภาพก็เลยไม่ค่อยจะดี ยิ่งต้องเข้าระบบซูมรับการอบรมเช้ายันเย็น รู้สึกว่าไม่ค่อยจะไหว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติ แต่คราวนี้เรื่องปกติแบบนี้ บางทีคนเราก็ไม่รู้เรื่อง
ในวันพระ หรือว่าภาษาบาลีสันสกฤตเขาเรียก วันธรรมสวนะ คือวันฟังธรรม แต่เดิมตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลมาก็มีวันพวกนี้อยู่แล้ว เพราะว่าบรรดาศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ กำหนดให้สาวกของตนต้องฟังธรรมในวันขึ้นหรือแรม ๘ ค่ำและขึ้น ๑๕ ค่ำ แรม ๑๔ หรือ แรม ๑๕ ค่ำเป็นประจำ ตอนหลังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงอนุโลมให้พระภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนา และอุบาสกอุบาสิกามีวันฟังธรรมเช่นกัน
คราวนี้ด้วยความที่สมัยก่อนมีการทำเครื่องหมายเอาไว้ในปฏิทินเป็นรูปพระ ชาวบ้านก็เลยเรียกกันง่าย ๆ ว่า "วันพระ" แต่เราต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ทำไมถึงต้องเป็นวันขึ้นแรม ๘ ค่ำ ? ทำไมต้องเป็นวันขึ้นแรม ๑๕ ค่ำหรือว่าแรม ๑๔ ค่ำ ?
เรื่องพวกนี้เราต้องเข้าใจว่า การมีชีวิตอยู่ของเราก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่ง คราวนี้เราเป็นส่วนเล็กนิดเดียวของธรรมชาติ เนื่องเพราะว่าแค่เปรียบกับโลกนี้ เราเองก็แค่เป็นเศษวัสดุชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น แล้วถ้าเปรียบกับสุริยจักรวาล หรือเปรียบกับดาราจักรทางช้างเผือก แล้วยิ่งถ้าไปถึงระดับเอกภพด้วย เราก็เป็นเศษฝุ่นเท่านั้น
ในเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อถึงเวลาธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลง เราก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย อย่างเช่นว่ามีข้างขึ้น ข้างแรม มีตะวันขึ้น มีตะวันตก มีน้ำขึ้น น้ำลง โดยเฉพาะผู้หญิงจะเห็นชัดที่สุด ก็คือมีรอบเดือน ซึ่งก็เป็นไปตามจันทรคติ เพราะว่าดวงจันทร์อยู่ใกล้กับโลกมากที่สุด ส่งผลกระทบให้มากที่สุด ก็คือทำให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2021 เมื่อ 03:18
|